หยุดใช้ IE กันสักพัก

     รายงานข่าวล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์เร่งให้ผู้ใช้พีซี"หยุด"ใช้บราวเซอร์ Internet Explorer ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ท่องเว็บเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีการตรวจพบช่องโหว่ใหม่ในซอฟต์แวร์ที่มีความอ่อนไหวต่อการโจมตีโดยแฮคเกอร์

     "ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ช่องโหว่นี้ในการทำสิ่งเลวร้ายบนคอมพิวเตอร์ของคุณได้ โดยพวกเขาสามารถเข้าถึงทุกไฟล์ทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้!!!" ท้อด บีดส์ลีย์ ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของ Rapid7 บริษัทระบบรักษาความปลอดภัย กล่าว ทางด้านไมโครซอฟท์เองได้แสดงความคิดเห็นต่อคำเตือนดังกล่าวว่า "เรากำลังตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และจะรีบแนะนำสำหรับขั้นตอนที่จำเป็น เพื่อช่วยปกป้องลูกค้า" ในระหว่างนี ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Internet Explorer "มีบราวเซอร์ตัวอื่นที่ผู้ใช้สามารถใช้งานไปก่อนชั่วคราวจนกว่าปัญหานี้จะได้รับการแก้ไข หรือมีวิธีป้องกันเบื้องต้นเพื่อให้มั่นใจพอว่าปลอดภัย" พอล เฟอร์กูสัน นักวิจัยอาวุโสทางด้านภัยคุกคามบนคอมพิวเตอร์จาก เทรนด์ ไมโคร อิงค์ กล่าว สำหรับช่องโหว่ใหม่นี้จะพบได้ในบราวเซอร์ IE เวอร์ชัน 7,8  และ 9 ที่รันบน Windows XP, Vista และ 7

     "ทำไมต้องเสี่ยง? ในเมื่อหลีกเลี่ยงง่ายกว่า" เจฟฟ์ บาร์ดิน จาก เทรดสโตนเซเว่น บริษัทให้คำปรึกษาทางด้านระบบรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์กล่าว ผู้เชี่ยวชาญค้นพบข้อผิดพลาดในการทำงาน หรือช่องโหว่ใหม่นี้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน เขาสงสัยว่า ช่องโหว่ดังกล่าวกำลังถูกใช้โดยแฮคเกอร์แล้วด้วย โดยแฮคเกอร์สามารถค้นหาวิธีที่จะติดเข้าไปในคอมพิวเตอร์ได้ด้วยการใช้ช่องโหว่ใหม่ของ IE ที่ยังไม่มีการเปิดเผย ซึ่งแฮคเกอร์สามารถวางโค้ดอันตรายเข้าไปบนเว็บไซต์ และเมื่อนักท่องเว็บเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์เหล่านี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะติดไวัสทันที ปัจจุบัน IE เป็นบราวเซอร์ทีมีผู้ใช้มากเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาด 33% ข้อมูลจาก StatCounter โดยเป็นรอง Chrome ที่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 34% ประเด็นคือ ธุรกิจหลายๆ แห่งใช้ IE ในการรันเว็บแอพฯ ซึ่งไม่สามารถใช้รันบน Chrome หรือบราวเซอร์ตัวอื่นๆ ได้ นั่นอาจหมายความว่า มันถึงเวลาแล้ว ที่ธุรกิจเหล่านี้ต้องพัฒนาเว็บแอพฯ ให้เข้ากันได้กับ Chrome บ้าง

ที่มา: www.arip.co.th

Submit Link คืออะไร?

          การ Submit คืออะไร ตอบแบบฟันธง กำปั้นทุบดินการ Submit คือการทำ Off-page ด้วยการสร้าง Backlink ตอบ แบบวิชาการที่ไม่เข้ากะหน้าตาเลยว่า การ Submit เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการเพิ่ม Backlinks ให้แก่เว็บไซต์ของเรา คือการ Submit เว็บไซต์ของเราเข้า Web Directories นั่นเอง ปกติแล้ว Web Directories จะมีส่วนรองรับการ submit โดยตรงอยู่แล้ว แต่บาง web directories เป็นแบบที่เราต้องเสียเงิน (Paid Directories) บาง web directories เป็นแบบให้แลกลิ้งค์ (Reciprocal Directories) อย่างไรก็ตาม ยังมี web directories ไม่น้อยที่ให้เราสามารถ submit เว็บไซต์ของเราเข้าไปฟรี ๆ ซึ่ง Free Directories นี่แหละครับที่ SiamSubmit แนะนำ เพราะเราจะได้ One-Way Link เข้ามาหาเว็บคุณ ใน keywords หรือ keyphrases ที่คุณต้องการ ในจำนวนที่มาก และประหยัดที่สุด อีกทั้งการมีลิ้งค์เข้ามาหาเว็บคุณจะมาจากหลายโดเมน หลายประเทศ ซึ่งกระจายหลาย Class C IP ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า การมีลิ้งค์มาจากหลาย Class C IP จะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้เว็บของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย โดยที่เราไม่ต้องทำ Link กลับไปให้เขาเลยแต่ณ. ขณะนี้การSubmit ไม่ใช่ การ Submit Web Directories อย่างเดียวอีกต่อไปแล้วนะครับ ยังมีการ Submit อีกหลากหลายแบบ ซึี่งผมจะสรุป ความหมายและ ประโยชน์ของการซัพมิตแต่ละแบบให้ในกระทู้นี้นะครับ
 

          Submit Directory เว็บไดเร็คทอรี่เปรียบได้กับสมุดหน้าเหลือง หรือสมุดโทรศัพท์ จะเป็นเว็บที่เก็บรายชื่อเว็บต่าง ๆ ไว้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งสมัยก่อนนั้น Search Engine ยังไม่รุ่งเรืองเหมือนสมัยนี้เวลาเราอยากจะใช้งานเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูลเรา ต้องไปที่เว็บไดเร็คทอรี่ต่าง ๆ เหล่านี้เพื่อสืบค้นข้อมูลตามหมวดหมู่ที่จัดไว้ให้ยกตัวอย่างเช่น
- http://www.dmoz.org/
- http://dir.yahoo.com/

         สำหรับการซัพมิตประเภทนี้เป็นการซัพมิตที่ต้องรอทาง เจ้าของ Web Directory ตรวจสอบ Website เราก่อน และให้เค้า Approve ให้เราครับดังนั้นกว่าจะได้ Backlink กลับจากการ Submit ประเภทนี้นั้นต้องใช้ิเวลาพอสมควรครับ เนื่องจากว่าเมื่อ Admin Web Directory Approve ให้เราแล้วก็ต้องรอให้บอทของSearchEngineมาเก็บข้อมูลอีกก็รอกันไปการ Submit Web Directory มีประโยชน์ที่ลิงค์ที่ได้นั้นค่อนข้างมีคุณภาพ (ยิ่งถ้าเป็นเจ้าดัง ๆ อย่างตัวอย่างด้านบนนั้น เว็บมาสเตอร์ทั่วโลกถวิลหาเชียวล่ะ) ลิงค์ที่ได้จะอยู่ทนอยู่นาน ไม่ห่างหายจากเว็บเราง่ายๆ


          2. Submit Social Bookmark การซัพมิตแบบนี้เป็นการประยุกต์ใช้ของบรรดา เหล่า Webmaster เองครับ โดยปกติเว็บ Social Bookmark นั้นไม่ได้ไว้ใช้สำหรับสร้าง Backlink โดยปกติหน้าที่ของมันคือ เว็บไซต์ที่เปิดให้ user ทั่วไปที่เป็นนักท่องเว็บไซต์ เข้าใช้งานและเก็บหน้าที่ชอบไว้เหมือนกับ การใช้งาน Favorites ของ IE และ Bookmark ของ Filefox เมื่อเวลาที่ User เหล่านั้นไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่ของตัวเอง แล้วต้องการเข้าใช้งาน เว็บที่ bookmark ไว้ก็จะเรียกเอาจากเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Bookmark
แต่เมื่อเว็บ มาสเตอร์หัวใสได้ลองใช้งาน และเห็นว่าเว็บไซต์ประเภทนี้ส่งลิงค์แบบ Dofollow ให้ จึงเกิดการซัพมิตเพื่อเอา backlink Dofollow ขึ้น เว็บไซต์ประเภทนี้ยกตัวอย่างได้แก่

 http://digg.com
  http://delicious.com
  http://dekdigg.com

         (สำหรับเว็บไซต์ประเภทนี้เขียนด้วยสคริปต์ Pligg ดังนั้นควรเรียกเว็บ pligg มากกว่า แต่ไม่รู้ทำไมคนไทยเรียกเว็บดิ๊ก) เนื่อง จากว่าเว็บไซต์ประเภทนี้จะมีคนมาซัพมิตอยู่ตลอดเวลาส่งผลให้ หน้า Index นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ทำให้ Bot ของ Search Engine ชอบเว็บไซต์ประเภทนี้มากแวะเวียนมาบ่อย ๆ (ผมเคยทำเว็บ Pligg นี่เหมือนกัน บอทมาเยี่ยมเว็บผมทุก 30 วินาที) Backlink ที่ได้จากการ Submit Digg Pligg นี้ จะเป็นประเภท มาเร็ว ดันอันดับเร็ว แรง แต่ Backlink ที่ได้ก็จากไปเร็วเช่นกัน ดังนั้น การซัพมิต และ Backlink ประเภทนี้ผมจึงจัดให้เป็นแบบไม่ยั่งยืนมาไวไปไวเหมาะสำหรับเรียกบอทและทราฟฟิคเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น


ที่มาจาก: http://www.question.in.th/

ทำอย่างไรให้คนมา “ถูกใจ” (Like) เยอะๆ

“ทำอย่างไรให้คนมา “ถูกใจ” (Like) เยอะๆ เพราะการที่มีคนถูกใจแฟนเพจของเรามากๆ จะช่วยให้สิ่งที่เราอยากจะสื่อสารออกทางแฟนเพจไปถึงคนอีกมากมาย วันนี้ผมเลยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

1.การตั้งชื่อแฟนเพจ ควรตั้งชื่่อให้อ่านแว้บแรกแล้วสะกิดความรู้สึกทันที หากคุณตั้งชื่อแฟนเพจแบบเชยๆ หรือแบบธรรมดา จะไม่แรงดึงดูดให้กับผู้ใช้งานสักเท่าไหร่ เช่น คุณอาจจะสร้างเพจเพื่อแนะนำส่วนลดสินค้าหรือบริการต่าง ระหว่างชื่อแฟนเพจ “ลดพิเศษ” กับ “ถูกชิปเป๋ง” คุณว่าอันไหนน่า Like กว่ากันครับ

2. หัวข้อ,เนื้อหาเพจให้เป็นเรื่องที่เข้าถึงง่าย เป็นเรื่องที่คนในสังคมกำลังสนใจอยู่ก็ยิ่งจะทำให้คน “ถูกใจ” เพจเราได้ง่ายๆ ครับ

3. ขยันอัพเดทสถานะของเพจ เพจที่มีความเคลื่อนไหว ย่อมน่าสนใจกว่าเพจที่นิ่งๆ ครับ แต่หลายคนก็มักใช้คำซ้ำๆ น่าเบื่อ กับผู้ใช้งาน เช่น “สวัสดียามเช้าค่ะ” “เที่ยงแล้ว กินข้าวหรือยังค่ะ” “ดึกแล้ว ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ซึ่งหน้าที่ของผู้ดูแลเพจต้องพยายามคิดคำหรือคำทักทายที่น่าสนใจนะครับ ลองหาแนวทางที่เหมาะสมดู

4. การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามา ที่นิยมใช้กันส่วนใหญ่ก็ คลิ้ก  Like ลุ้นรางวัล , โหวตรูปถ่าย , 1 Like = บริจาค x บาท ซึ่งลองดูครับว่า คุณมีงบประมาณส่วนนี้เท่าไหร่ (แต่ที่ผมอยากจะบอกก็คือ การได้ Like แบบนี้ไม่ค่อยยั่งยืนสักเท่าไหร่ครับ เพราะแรงจูงใจของคนกดไม่ได้มาจากความรู้สึกที่แท้จริง)

5. การแลก Like ก็เช่น นาย A สร้างแฟนเพจชื่อ AA นาย B สร้างแฟนเพจชื่อ BB ทั้งสองก็มาแลกกันกด Like คือ นาย A ไปกด Like แฟนเพจ BB ส่วน นาย B ไปกด Like แฟนเพจ AA (อ่านแล้วงงไหมเนี่ย) แต่ Like แบบนี้ก็ไม่ยั่งยืนเหมือนข้อก่อนหน้านี้แหละครับ

6. คิดทุกครั้งก่อนอัพเดทสถานะ โดยผมขอให้คุณคิดว่า “ข้อความที่คุณจะเขียน ต้องมีประโยชน์กับผู้อ่านที่ถูกใจเพจของคุณ” มันจะช่วยให้เพจของคุณมีพลังมากขึ้นเลยครับ

7. หาโอกาสพบปะกันระหว่างผู้ใช้งานในแฟนเพจ เช่น ทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกัน พบปะสังสรรค์ เพื่อให้ผู้ใช้งานมีความรู้สึกผูกพันมากยิ่งขึ้น และเขาจะเป็นกระบอกเสียงกระจายเพจของคุณได้เป็นอย่างดีครับ

8. หากมีเวลาก็เปลี่ยนสถานะเพจของเราให้สามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นกับเพจอื่นๆ ได้  โดยเลือกหัวข้อ “ใช้ Facebookในชื่อ(เพจของคุณ)” ซึ่งอยู่ด้านขวามือ ก็จะช่วยให้คนเห็นเพจของเราได้มากขึ้น

9. การใช้สื่อ Offline เช่น ทำป้าย,สติีกเกอร์ หรือสกรีน URL เพจของเราลงบนเสื้อ เช่น FB.com/comthai แค่นี้ก็เพิ่มช่องทางการเห็นเพจของเราได้ไม่ยากครับ

จริงๆ แล้วมีวิธีอีกมากมายที่ช่วยประชาสัมพ้นธ์แฟนเพจของเรานะครับ แต่วันนี้เอาแบบเบาที่เราพอจะทำได้ด้วยตัวเองก่อนนะครับ

ที่มา:http://www.manacomputers.com/

เผยความลับของชิป A6 ใน iPhone 5

ยังคงมีรายงานข่าวเกี่ยวกับ iPhone 5 ให้ได้ติดตามกันอีกวัน หลังจากเปิดตัวไปเมื่อวานนี้ ซึ่งก็มีคำถามตามติดกันมามากมาย ตั้งแต่เรื่องของการไม่มีเทคโนโลยี NFC หรือระบบชาร์จไร้สายไปจนถึงคอนเน็คเตอร์ Lightning ล่าสุดยังมีอีกคำถามหนึ่งที่หลายคนยังสงสัยอยู่นั่นก็คือ โพรเซสเซอร์ A6 ที่อยู่ใน iPhone 5 ของ Apple ความจริงมันมีกี Core ? และแรงแค่ไหน?

นักวิเคราะห์จาก Nomura Equity Research เปิดเผยข้อมูลเกียวกับชิป A6 โพรเซสเซอร์ตัวใหม่ใน iPhone 5 ว่า มันเป็น ชิป ดูอัลคอร์ Cortex-A15 ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อ Apple จากโรงงานของ Samsung โดยใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่ 32nm HKMG นั่นหมายความว่า แอปเปิ้ลเป็นเจ้าแรกในหลายบริษัทที่เริ่มใช้สถาปัตยกรรมใหม่อย่าง Cortex-A15 ในการพัฒนาโพรเซสเซอร์ โดยมันจะเป็นโพรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของ ARM Holding plc ทั้งนี้ทาง ซัมซุงได้เคยเปิดเผยในช่วงปลายปี 2011 ว่า ทางบริษัทได้เริ่มผลิตชิปตัวอย่งดูอัลคอร์ ARM Coretex-A15 ทีมีชื่อว่า Exynos 5250 ด้วยกระบวนการผลิตที่ 32-nm HKMG และจะผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนมากในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2012 โดยสำหรับ Exynos 5250 จะมีการรวมความสามารถการทำงานของชิปกราฟิก Mali เพื่อใช้ผลิตแท็บเล็ตไฮเด็นด์ด้วย ซึ่งที่สัญญาณนาฬิกา 2GHz ในการทำงานของชิปตัวนี้ ทางบริษัทอ้างว่า มันจะให้ประสิทธิภาพการทำงานเป็นสองเท่าของชิปในตระกูล Exynos ที่เป็นดูอัลคอร์ Cortex-A9 ความเร็ว 1.5GHz

ในการเปิดตัว iPhone 5 แอปเปิ้ลได้ให้รายละเอียดเกียวกับคุณสมบัติ และความสามารถของโพรเซสเซอร์ และกราฟิกน้อยมาก ทางบริษัทกล่าวแค่ว่า โพรเซสเซอร์ A6 จะให้ประสิทธิภาพการประมวลผล และการแสดงผลทางด้านกราฟิกเป็น 2 เท่าของ A5x ทีใช้ใน iPhone 4S โดยทั่วไปโพรเซสเซอร์บนสมาร์ทโฟนจะทำงานด้วยสัญญาณนาฬิกาได้สูงถึง 1.5 GHz แต่การออกแบบด้วย Cortex-A15 จะช่วยอธิบายได้ว่า แอปเปิ้ลเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานให้กับ iPhone 5 ได้เป็นสองเท่าของ iPhone 4S ได้อย่างไร โดยในส่วนของกราฟิก แอปเปิ้ลยังคงใช้สิทธิบัตรของ Imagination Technologies Group ที่สนับสนุนเทคโนโลยีกราฟิกด้วยชิปดูอัลคอร์ PowerVR SGX543MP2 ดังนั้น A6 ก็น่าจะใช้เวอร์ชัน"ควอดคอร์"กราฟิก PowerVR SGX543MP4 เพื่อทำให้ iPhone 5 สามารถให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมเป็น 2 เท่าของ iPhone 4S
ที่มาจาก: www.arip.co.th

การทำ site map ช่วย SEO

Sitemap คืออะไร?

    Sitemap หรืออีกชื่อที่คุ้นหูว่า "แผนผังเว็บไซต์" หรือ "แผนที่เว็บไซต์" เป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ ที่อธิบายถึงโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ทั้งหมด ซึ่ง Sitemap นี้เองจะเป็นเหมือน "สารบัญ" หรือ "หน้าดัชนี" ของเว็บไซต์ ที่่รวม Link ทั้งหมดของเว็บไซต์ไว้ภายในหน้าเดียว และยังช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อ Search Engine (Google,Bring,Yahoo) อีกด้วย

ข้อดีของการทำ Sitemap

     ในเว็บยุคแรกๆ จะนิยมทำ Sitemap เป็นหน้าเว็บหน้าหนึ่ง เพื่อ รวม link ของทุกๆหน้า ให้ผู้เยี่ยมชมได้ทราบถึง แผนผังการเชื่อมโยงทั้งหมดของเว็บไซต์ ในปัจจุบัน ก็มี Sitemap อีกประเภทหนึ่ง นั่นคือ Sitemap สำหรับ Search Engine โดยเฉพาะ เพื่อให้ Search Engine เข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่าย และเข้ามาเก็บข้อมูลตาม link ที่เราจัดทำไว้ให้ ต่อไปเป็นข้อดีของการทำ Sitemap ที่คุณเองอาจยังไม่ทราบ
 •ทำให้ผู้ชมเว็บไซต์เข้าใจโครงสร้างเว็บ และเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
•Sitemap ทำให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์เข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ และเห็นภาพรวมของ Link ในเว็บไซต์ ทำให้ง่ายต่อการพัฒนา เนื่องจาก Sitemap จะแบ่งส่วนของเว็บไซต์ ไว้อย่างชัดเจน
•ทำให้ Bot ของ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูล (index pages) ได้รวดเร็ว และง่ายขึ้น
•เป็นส่วนหนึ่งของการทำ SEO

รูปแบบของ Sitemap

Sitemapสำหรับผู้ชมเว็บไซต์ จะมีลักษณะดังนี้
http://dvision.in.th/about/sitemap.html
http://www.google.com/sitemap.html

Sitemap สำหรับ Search Engine จะมีลักษณะดังนี้
http://dvision.in.th/sitemap.xml





ที่มาจาก:http://dvision.in.th/

วิธีป้องกัน"มัลแวร์"ไม่ให้มากล้ำกรายสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตของคุณ

จากรายงานข่าวที่ระบุว่า "มัลแวร์" บนสมาร์ทโฟน Android เติบโตเป็น 2 เท่าภายในช่วงระยะเวลาแค่ 6 เดือน อาจทำให้คุณผู้อ่านของเว็บไซต์ arip หลายๆ ท่านที่ใช้สมาร์ทโฟนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกับเรื่องนี้ ประเด็นก็คือ มันไม่ใช่สมาร์ทโฟนเท่านั้นที่สามารถตกเป็นเหยื่อมัลแวร์พวกนี้ แต่ยังรวมถึง"แท็บเล็ต" Android ด้วย

เชื่อว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ คุณผู้อ่านคงต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีป้องกันสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตของคุณให้รอดพ้นจากการถูกโจมตีโดยเหล่ามัลแวร์ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน แถมยังฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย สำหรับคำแนะนำต่อไปนี้จะเป็น 5 วิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณหลุดรอดปลอดภัยจากภัยคุกคมเหล่านี้ได้ ว่าแล้วไปดูกันเลยครับ
ล็อคมือถือของคุณ เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ใช้มักจะไม่ค่อยได้ทำกัน นั่นก็คือ การตั้งค่าใช้งานให้มือถือล็อคตัวเอง โดยจะต้องมีการป้อน Pin code ก่อนที่จะเข้าสู่การใช้งาน ที่สำคัญอย่าตั้งรหัสผ่านทีเดาได้ง่ายอีกด้วย เหตุผลของคำแนะนำข้อนี้ก็คือ หากมือถือของคุรหาย หรือตกอยู่ในมือผู้หวังดี คนเหล่านี้สามารถใช้เวลาไม่กี่นาทีในการขโมยข้อมูล หรือแม้แต่ฝากสปายสายลับไว้ในสมาร์ทโฟนของคุณ (การตั้งค่าส่วนใหญ่จะอยู่ใน Settings ตามด้วย Security แล้วเลือก PIN เพื่อตั้งชุดรหัสไว้ล็อคหน้าจอก่อนการใช้งาน) ในแง่ของกฎหมาย การล็อคหน้าจออุปกรณ์ไอที หรือมีพาสเวิร์ด ถือเป็นการป้องกันที่หากผู้ใดพยายามแฮคเข้าไปแก้ไข จะถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย มือดีระวังโดน

เลือกติดตั้ง และใช้แอพฯจาก App Market ที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น ส่วนใหญ่แอพฯที่มาพร้อมกับมัลแวร์มักจะเปิดให้ดาวน์โหลดนอก App Market ที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Android ที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพฯ ได้จากเว็บไซต์ต่างๆ ที่ไม่ใช่ของ Google ได้ ซึ่งไม่เหมือนกับ App Store ของ Apple (ยกเว้นเครื่องที่ Jailbreak) เพราะฉะนั้นคำแนะนำง่ายๆ ก็คือ ควรดาวน์โหลดแอพฯจากแหล่งที่ได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยเท่านั้น อย่างเช่น Android Market เป็นต้น

พิจารณาแอพฯทุกครั้งก่อนดาวน์โหลด นอกจากจะเลือกแหล่งดาวน์โหลดที่ปลอดภัยแล้ว ก่อนดาวน์โหลดแอพฯทุกตัว คุณผู้อ่านอาจจะต้องไตร่ตรองสักนิดหนึ่งก่อน โดยไม่ว่าแอพฯตัวนั้นจะเป็นของฟรี หรือไม่ก็ตาม เพราะแอพฯทุกตัวมีสิทธิ์ที่จะเป็นภัยคุกคามต่อระบบรักษาความปลอดภัยบนสมาร์ทโฟนของคุณได้ทั้งสิ้น คำแนะนำในข้อนี้คือ คุณผู้อ่านควรจะอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับแอพฯ ก่อนดาวน์โหลดทุกครั้ง โดยเฉพาะชื่อของผู้พัฒนาแอพฯ เนื่องจากปัจจุบันมีแอพฯ ปลอมทีชื่่อ และไอคอนเหมือนต้นฉบับ แต่ผู้พัฒนากลับไม่ใช่บริษัทที่พัฒนาแอพฯนั้นๆ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วใน Android Market เมื่อปีที่แล้ว เมื่อมีแอพฯปลอมของ Bank of America หลุดเข้าไป ปกติแอพฯปลอมจะถูกคัดกรองออกจาก Android Market ค่อนข้างเร็ว แต่มันคงปลอดภัยกว่า หากคุณผู้อ่านจะใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลก่อนดาวน์โหลด นอกจากชื่อผู้สร้างแล้ว ยังมีเรื่องของการให้คะแนน หรือคอมเมนต์ แอพฯ ที่เปิดให้ดาวน์โหลดมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน แล้วเพิ่งจะมีคอมเมนต์ว่ามันใช้งานได้ดี ก็มีแนวโน้มว่า มันเป็นแอพฯที่ปลอดภัย ประเด็นสุดท้ายคือ ให้ระวังแอพฯทีมีการร้องขอที่จะเข้าถึงฟังก์ชันเรียกสายของสมาร์ทโฟน แนะนำให้ยกเลิกการดาวน์โหดลแอพฯพวกนี้เสีย

ระวังข้อความ และอีเมล์แปลก เนื่องจากสมาร์ทโฟนวันนี้มีความสมารถเพิ่มขึ้นจนเกือบจะเท่าพีซี ดังนั้นภัยคุกคามต่างๆ จึงมีขีดความสามารถในการเข้าถึงสมาร์ทโฟนได้หลากหลายวิธีไปด้วย ผู้ใช้สมาร์ทโฟนควรระวังภัยคุกคามในรูปแบบของฟิชชิ่ง (phishing) ที่มากับข้อความ หรืออีเมล์ปลอม โดยไม่ควรคลิกลิงค์ที่มาจากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก ซึ่งจากสถิติพบว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่โดนโจมตี หรือกลายเป็นพาหะในการแพร่กระจายมัลแวร์ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิกลิงค์ที่มากับอีเมล์ หรือข้อความที่ไม่รู้จัก หลักการง่ายๆ คือ ไม่คลิก และไม่ยอมรับ (apply) ลิงค์จากข้อความ หรืออีเมล์ที่คุณไม่รูจักนั่นเอง
ติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์โมบาย ผลจากการที่มัลแวร์บนอุปกรณ์โมบายเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ทางบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ได้เริ่มหันมาพัฒนาโปรแกรมพวกนี้บนสมาร์ทโฟนด้วย ซึ่งมีให้ดาวน์โหลใน Android Market โดยแอพฯ พวกนี้จะสามารถตรวจจับ และป้องกันมัลแวร์ได้ ของฟรีที่พอใช้ได้ก็จะมี Lookout หรือถ้าจะเป็นของบริษัทชั้นนำในตลาดนี้ก็เช่น McAfee WaveSecure (19.9 เหรียญฯต่อปี), Kaspersky Mobile Security(29.95 เหรียญฯต่อปี), Trend Micro Mobile Security (3.99 เหรียญฯ ต่อปี) และ Norton Mobile Security (Beta) (ฟรี)

หวังว่า คำแนะนำเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านสำหรับการป้องกันสมาร์ทโฟน Android ไม่ให้ตกเป็นเป้าโจมตี หรือถูกเล่นงานได้โดยง่ายนะครับ ขอให้โชคดีทุกท่านครับ
ที่มา:http://www.arip.co.th/

เตือน!!! มัลแวร์ระบาดหนัก,มือถือให้ระวัง

      แมคอาฟี่ (MaAfee) บริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัย (ปัจจุบันเป็นบริษัทของอินเทล) ระบุว่า ผู้ใช้กำลังเสี่ยงต่อการพ่ายแพ้การทำสงครามกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ โดยข้อมูลในรายงานภัยคุกคาม (Threat Report) ประจำไตรมาสล่าสุดเปิดเผยว่า ความถี่ของการโจมตีของมัลแวร์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา

      นักวิจัยจากแมคอาฟี่ได้ตรวจพบมัลแวร์ชนิดใหม่ๆ มากกว่า 8 ล้านตัวในช่วงไตรมาสทีสองที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นถึง 23% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ แถมยังอ้างอีกด้วยว่า ขณะนี้มีมัลแวร์มากกว่า 90 ล้านตัวที่วนเวียนโจมตีผู้ใช้อยู่ในขณะนี้ แหล่งข่าวชี้ในขณะที่คอมพิวเตอร์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows จะเป็นเป้าหมายใหญ่อันดับหนึ่ง แต่การโจมตีระบบปฏิบัติการ Mac OS X และอุปกรณ์โมบายก็เพิ่มขึั้นมากด้วย "เป้าหมายการโจมตีที่โดยทั่วไปที่มักพบบนพีซี ตอนนี้มันกำลังเปลียนเส้นทางไปยังอุปกรณ์อื่นๆ แล้ว" ทีมวิจัยจาก McAfee Labs กล่าว "รายงานฉบับนี้ต้องการเน้นย้ำว่า มันถึงเวลาที่ต้องจริงๆ จังๆ แล้วสำหรับการป้องกันอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต"

       แมคอาฟี่ยังเปิดเผยในรายงานอีกด้วยว่า ในปีนี้ทางบริษัทพบมัลแวร์ที่แตกต่างกันเกือบ 13,000 รายการที่จ้องเล่นงานอุปกรณ์โมบาย ซึ่งหากเทียบกับปี 2000 บริษัทตรวจพบโมบายมัลแวร์ไม่ถึง 2,000 ตัวเลยด้วยซ้ำ โดยมัลแวร์บนโมบายที่ตรวจพบ ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นโจมตีอุปกรณ์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android ของ Google มากที่สุด "มัลแวร์บนแอนดรอยด์ไม่มีสัญญาณของการเพิ่มจำนวนที่ช้าลงเลย ซึ่งน่าเป็นห่วงมากๆ สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ที่่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการนี้" แมคอาฟี่ เตือน สำหรับคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ที่ใช้อุปกรณ์โมบาย Android สามารถติดตามทิปเกียวกับการดูแล และป้องกันไม่ให้ตนเองตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์ได้จาก "วิธีป้องกัน"มัลแวร์"ไม่ให้มากล้ำกรายสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตของคุณ" ครับ

ที่มาจาก: http://www.arip.co.th/

เทคนิคการลงโฆษณาออนไลน์อย่างไรให้ได้ผล

เดียวนี้การโฆษณาขายสินค้า/บริการผ่านช่องทางเว็บไซต์ออนไลน์เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะด้วยสาเหตุที่ต้นทุนราคาถูกและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว จึงนำมาใช้เป็นสื่อหลักในการประชาสัมพันธ์สินค้า/บริการ การลงโฆษณาทางช่องทางโฆษณาออนไลน์ มีปัจจัยหลักๆ อยู่ 2 อย่างที่ผู้ลงโฆษณาต้องคำนึงคือ

1#ทำอย่างไรให้คนคลิ๊กโฆษณาของเรา
2#ทำอย่างไรให้คนซื้อสินค้า/บริการของเรา


1.ทำอย่างไรให้คนคลิ๊กโฆษณาของเรา
 การลงโฆษณาสินค้า/บริการของคุณทางโฆษณาออนไลน์ มีรูปแบบหลายอย่าง เช่น แบนเนอร์ (แถบภาพโฆษณา), โฆษณาแบบตัวอักษร(Text Ads), โฆษณาเป็นวีดีโอ หรืออีกหลายรูปแบบที่มีมามากมายหลากหลาย แต่เป้าหมายของโฆษณาออนไลน์ทุกอันที่ปรากฏขึ้นมาก “ทำยังไงก็ได้ให้คนคลิกหรืออ่านโฆษณา” ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้คนคลิ๊กหรือสนใจที่โฆษณาที่คุณลงโฆษณาคุณสามารถทำได้ดังนี้
 1.1เลือกลงโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
 คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินกับเว็บไซต์ที่มีคนเข้ามากๆ ก็ได้ เพราะการลงโฆษณากับเว็บไซต์ที่กลุ่มเป้าหมายตรงกับของคุณ อาจจะเลือกลงกับเว็บไซต์เล็กๆ ก็ได้ทำให้ราคาโฆษณาไม่แพงมากนั้น เช่น หากคุณมีเว็บไซต์หรือบล๊อกเกี่ยวกับ ธุรกิจเครือข่าย คุณก็อาจจะเลือกลงโฆษณากับเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายที่มีคนเข้าเยอะได้เช่น กัน ซึ่งโฆษณาอาจจะไม่แพงเท่ากับเว็บไซต์ที่มีคนเข้าเป็นจำนวนมากๆ ก็ได้ ซึ่งคนเข้ามาก แต่กลุ่มเป้าหมายอาจจะไม่ตรงกับกลุ่มที่คุณต้องการเท่าไหร่
 
2.ควรเลือกลงโฆษณาหลายๆเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง

 ซึ่งจะช่วยทำให้ คุณมีหลายช่องทางในการแนะนำเว็บไซต์หรือแคมเปญโฆษณาของคุณผ่านช่องทางหลายช่องทาง และสามารถวัดผลได้ว่า เว็บไซต์หรือช่องทางไหนที่ส่งคนมาให้เว็บไซต์ของคุณมากที่สุด และพยายามเลือกช่วงเวลาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของเรามากที่สุด


3.ทำแบนเนอร์โฆษณาหลายๆ รูปแบบ
 เพราะว่าแบนเนอร์โฆษณา 1 อันจะมีวงจรชีวิต ในเว็บไซต์ ไม่เกิน 2 อาทิตย์ ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ แบนเนอร์โฆษณาที่คุณทำมาหลังจากลงโฆษณาไปแล้ว 2 อาทิตย์ อัตราการคลิกโฆษณาผ่านแบนเนอร์นั้นๆ เข้ามาก็จะเริ่มลดน้อยลง เพราะคนส่วนใหญ่จะเมื่อเห็นแบนเนอร์แล้วก็จะไม่คลิ๊กโฆษณานั้นอีก ดังนั้น คุณควรมีรูปแบบแบนเนอร์หลายๆ รูปแบบและลงในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป


4.การใช้คำพูดหรือคำที่คนสนใจสำหรับโฆษณาแบบตัวอักษร
 4.1การใช้คำที่กระตุ้นความรู้สึก (Call to Action)
 4.2คำว่า “ฟรี.!” ก็ยังเป็นคำที่ได้ผล
 4.3อะไรที่ห้ามๆ บางทีก็ได้ผล
 เช่น “ห้ามคลิ๊กเด็ดขาด” หรือ “ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ดู” หรือ “คนเมียดุห้ามดู” ลองคิดดูคำเด็ดๆ ดูละกัน วิธีนี้ได้ผลดีนัก
 4.4ใช้ศัพท์ที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิค
 4.5 การให้คำมั่นสัญญาก็ได้ผลเช่นกัน
 เช่น “ส่งฟรี.! ถึงบ้านภายใน 2 ชั่วโมง” หรือ “ซื้อไปแล้วไม่พอใจ ยินดีคืนเงิน”
 เพื่อนๆสมาชิกลองใช้เทคนิคดังกล่าวไปใช้ดูนะครับได้ผลอย่างไรเล่าสู่กันฟังบ้างน่ะครับ..

ที่มาจาก:http://www.thaiadshare.com/blog/

5 อันดับ แทบแลต

     รายงานข่าวล่าสุด แอมะซอน (Amazon) กำลังจะเปิดตัว Kindle Fire 2 แท็บเล็ตรุ่นใหม่ของบริษัทในวันนี้ โดยเป็นอีกหนึ่งความหวังในการที่จะต่อกรกับเจ้าตลาดอย่างไอแพด (iPad) ของแอปเปิ้ล (Apple) ซึ่งก่อนหน้านี้ แอมะซอนเคยเขย่าบัลลังก์ตลาดแท็บเล็ตได้น่าประทับใจพอสมควรในช่วงเปิดตัว Kindle Fire รุ่นแรก

     อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ แอปเปิ้ลยังคงสามารถครองส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตได้เพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง โดยแท็บเล็ตที่มีการขายในช่วงเวลาดังกล่าวทุกๆ 7 ใน 10 เครื่องเป็น"ไอแพด" ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้รับการเผยแพร่โดยบริษัทวิจัย IHS iSuppli เหตุผลที่ทำให้ตลาดของไอแพดยังโตต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่สองก็คือ new iPad ที่เปิดตัวในช่วงเวลาดังกล่าว และ iPad 2 ที่ลดราคาลงมา ทั้งนี้ส่วนแบ่งตลาด"แท็บเล็ต"ของแอปเปิ้ลจะอยู่ที่ 69.6% เทียบกับไตรมาสแรกของปี 58% งานนี้คู่แข่งที่คิดจะวิ่งไล่ตามคงต้องเร่งเครื่องอย่างหนัก ในขณะเดียวกัน ข่าวลือที่ว่า แอปเปิ้ลเตรีย่มเปิดตัว iPad mini ในข่วงเดือนตุลาคม ซึ่งหากเป็นจริงดังข่าว อาจจะทำให้คู่แข่งต้องคิดหนักอย่างแน่นอน

     สำหรับ 5 อันดับของผู้ผลิต"แท็บเล็ต"ที่มีส่วนแบ่งตลาดไล่เรียงกันตามลำดับได้แก่ แอปเปิ้ล ที่ขายไอแพดในช่วงไตรมาสที่สองที่ผ่านมาได้มากถึง 17 ล้านเครื่อง (69.6%) ตามด้วยคู่กัดอย่าง ซัมซุง (Samsung Electronics Co.,) ที่ขาย Galaxy Tab ไปได้ 2.3 ล้านเครื่อง (9.2%) ส่วนอันดับ 3 กลับเป็น Amazon.com ที่ขาย Kindle Fire ได้ 1 ล้านเครื่อง (4.2%) และอันดับ 4 เป็น AsusTek Computer Inc. ที่ขายแท็บเล็ตในตระกูล Transformer ได้ 688,000 เครื่อง (2.8%) รั้งอันดับสุดท้ายเป็น Barnes & Noble Inc. ที่ขายแท็บเล็ต Nook ได้ 459,000 เครื่อง (1.9%) นอกนั้นเป็นแท็บเล็ตจากผู้ผลิตรายอื่นๆ รวมกันอีก 3 ล้านเครื่อง หรือประมาณ 12.3% ซึ่งจากส่วนแบ่งตลาดที่เห็นนี้จะเห็นว่า iPad ของ Apple ทิ้งห่างคู่แข่งไปหลายช่วงตัวเลยทีเดียว

ที่มาจาก: www.arip.co.th/

ไมโครซอฟท์เปิดตัว Windows 8 วันที่ 26 ตุลาคมนี้



    
     หลังจากที่ Microsoft เปิดให้ทดลอง Windows 8 Consumer Preview สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และ Windows 8 Developer Preview ออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว ล่าสุดได้มีรายงานจากเว็บบล็อคของไมโครซอฟท์ ว่า สตีเวน ไซนอฟสกี ได้เตรียมเปิดตัวระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดของ วินโดวส์ 8 จะเริ่มปล่อยให้ผู้ใช้อัพเกรดวันที่ 26 ตุลาคม 2012 โดยเจ้าตัว Microsoft Windows 8 จะแยกออกเป็นสองส่วนด้วยกันคือ

      - การอัพเกรดจากการใช้ระบบปฏิบัติการเดิมของไมโครซอฟท์ เดิมของ Microsoft ได้แก่ Windows 7, Windows Vista และ Windows XP สำหรับค่าอัพเกรดนั้นจะอยู่ที่ ราคา $39.99 หรือประมาณ 1,300 บาทไทย
      - การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 8 ลงบนคอมพิวเตอร์ เครื่องใหม่ สำหรับราคาของตัวนี้จะมาพร้อมแผ่น DVD Windows 8 ในราคา $69.99 หรือประมาณ 2,200 บาทไทย

      นับว่าทาง Microsoft ลดราคาเจ้าตัว Windows 8 ลงมาอย่างมากเมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น XP,Vista,7 ราคาค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ใช้หลายคนหันไปมองของละเมิดลิขสิทธ์ ข่าวไอที




ที่มาจาก: http://www.itday.in.th/

การตลาดสู่ยุคสร้างสรรค์ไม่ใช่ยุคสร้างภาพ ตอนที่ 2 Creative Marketing Strategy


การกำหนดแนวทางสร้างสรรค์ยุทธ์ศาสตร์การตลาด
I.Value Definition วิธีในการกำหนด สนามรบหรือพื้นที่เล่นของเรา เราต้องอาศัยข้อมูล แน่นอนข้อมูลการตลาดเดิมอาศัยการวิจัยตลาดMarket Research แต่ ในยุคใหม่ เราจะอาศัยข้อมูลจากอีก 2 แหล่ง คือ ข้อมูลประวัติ พฤติกรรมการซื้อ จากฐานข้อมูล CRM ก็ดี ข้อมูลฐานสมาชิกสั่งซื้อก็ดี ส่วนอีกแหล่งมาจาก Customer Insight คือ การเข้าไปมองทะลุถึงใจลูกค้าเช่น ที่ร้านสังเกตการณ์ลูกค้า เฟอร์นิเจอร์ IKEA เชิญลูกค้ามาพัก ใช้ห้องนอน และบ้านพัก IKEA ฟรี เพื่อที่จะสังเกต การนอน การใช้ชีวิต เมือลูกค้าอยู่ที่บ้าน หรือ ผงซักฟอก ได้ส่งพนักงานข้าไปดูที่บ้านลูกค้า ไปอยู่กับลูกค้า พักกันลูกค้าโดยยินดีจ่ายเงินให้ลูกค้า แล้วเขาก็ไปสังเกตการใช้ผงซักฟอกของลูกค้าในชีวิตประจำวันของเขาที่บ้าน หรืออีกกรณีนักออกแบบ รองเท้าและอุปกรณ์กีฬา ไนกี้ ต้องเล่นกีฬานั้นเป็นและต้องไปเล่นกับนักกีฬาพวกนี้ ฟังการวิจารณ์ติดชมผลิตภัณฑ์ทั้งของไนกี้ และคู่แข่ง นักออกแบบก็จะสามารถเห็นช่องว่างในการพัฒนาสินค้าของตนเองขึ้นมาใหม่ จากความรู้เท่าทันเหตุการณ์(Knowing)ทำให้เรามองภาพปลายทางข้างหน้าได้ ( Foresighting ) เมื่อภาพปลายทางชัดเจน เราสามารถปรับตัว เคลื่อนไหวไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องได้(Moving) เมื่อเคลื่อนไหวถูกต้องเราเกิดการเรียนรู้ว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งเช่น ดีไซน์แบบนี้ดี โปรโมชั่นแบบนี้ตรงใจ การสื่อสารแบบนี้เยี่ยม เราก็จะขยายผลจากหัวหาดที่เรายึดไว้นี้ต่อไปเพื่อให้ เรามีที่อยู่ทีมั่นคง (Position)
Knowing ---> Foresight ---> Moving ---> Position
ดังนั้นเราจะเลือกว่าช่องว่างหรือพื้นที่เป้าหมายที่เราจะเข้าตีนั้นอยู่ที่ใด เราจะสร้างคุณค่าด้วยวิธีอะไร วิธีการใหญ่ๆมี 4 ทิศทาง
- เน้นนวัตกรรมInnovation ออกสิ่งแปลกใหม่ แหวกแนวตลอด ก่อนคู่แข่ง เช่น SONY, NIKE หรือ ให้ผลิตภัณฑ์ครบวงจร ที่เรียกว่า Solution เช่น IBM
- เน้นด้านวิธีการ ระบบและขบวนการ Business Process เน้นเรื่องคุณภาพ เช่น TOYOTA เน้นเรื่องต้นทุนต่ำเช่น Makro Lotus ,Dell คอมพิวเตอร์
- เน้นด้านความรู้และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น Sothwest P&G GE Disney เพื่อให้คนภาคภูมิใจในงาน และ คนมีความรู้ในการดำเนินการ ให้คนมีส่วนร่วมในการจัดการตัดสินแนวทางการทำงานของตนเอง
- เน้นด้านสร้างคุณค่า และผลตอบแทนการลงทุนสูง เช่น บริการทางการเงิน อุตสหกรรมหนัก ที่ต้องลงทุนมาก
- เน้นการสร้างประสบการณ์ ที่ดี ให้ลูกค้าและเครือข่ายร่วมงาน Experience Network หลักการคือต้องทำงานเป็นทีม ร่วมกันแชร์ความคิด ทรัพยากร ความรู้ความเชี่ยวชาญ และ ความฝันร่วมกัน จุดยึดเหนี่ยวคือ Passion ความหลงใหลเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน เช่น ชมรมเจ้าของรถHarley ชมรมคนใช้ Palm Computer ที่แชร์ซอฟแวร์ร่วมกัน วิจารณ์ แนะนำวิธีการใช้งาน โดยบริษัทไม่ได้เข้าไปควบคุม กระทิงแดงสนับสนุน Xgame Camel /Jeep สนับสนุนท่องไพร่ปีนเขา


II.Value Design เราจะออกแบบสร้างคุณค่าได้อย่างไร จากทิศทางที่เรากำหนดเราจะรู้ว่าเราจะเน้นอะไร แต่ทิศทางที่จะเน้นอาจมีรายละเอียดลึกๆต่างกัน แล้วแต่การออกแบบ คุณค่า และประเภทธุรกิจ เช่น
- Low cost Airline เน้น ตรงเวลา บริการที่เป็นมิตร และ ความบันเทิง ขณะผู้โดยสารบิน
- Dell นอกจากเน้น ลดต้นทุน สต๊อก แล้ว ยังเน้นความไวในการรับคำสั่งซื้อแล้วผลิตจนส่งถึงมือลูกค้าได้รวดเร็ว และเน้นความยืดหยุ่นให้ลูกค้าเลือกได้เองจะเป็นเรื่องส่วนประกอบชิ้นส่วน สเป็คต่างๆลูกค้าเลือกเองได้หมด เดลล์เป็นเพียงผู้สนองดังนั้นความยืดหยุ่นมีสูงมาก ไม่เหมือนผลิตมาสต๊อกลูกค้าต้องซื้อเครื่องที่ประกอบมาแล้วเปลี่ยนไส้ในไม่ได้นั้นเอง
- Wall Mart แม้นจะเน้น ต้นทุนต่ำ แต่ก็เน้นว่าสินค้าที่จะขายจะต้องมีสไตล์แบบในเมือง
-Toyota แม้เน้นต้นทุนต่ำ แต่ก็เน้น การออกแบบให้สวยงาม HiTouch สุขสบาย กว้างขวาง เพิ่มเติมเข้าไปอีก เน้นAero Dynamic คุ้มค่าและประหยัดน้ำมัน
ทั้งนี้การออกแบบคุณค่าต้องดูว่าประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้คืออะไร ตามหลักของ Alan Mitchell ในหนังสือ The New Bottom line ว่าด้วยหลัก OPTIMA
O-peration เราได้ช่วยให้ลูกค้าทำงานได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สะดวกมากขึ้น งานง่ายขึ้น หรือทำงานยากแทนลูกค้า เช่น บริการซักอบรีด บริการทำความสะอาด หรือน้ำยาล้างห้องน้ำเพียงเททิ้งไว้ไม่ต้องขัดไม่เปลืองแรง (ทำไมบริษัทยา และคอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตนวัตกรรมใหม่ๆตลอดเพื่อให้ชีวิตลูกค้าสบายขึ้นจึงได้รวย)
P-assion ทำให้ลูกค้าหลงใหล ฝันค้าง จนต้องเอาของเรามาให้ได้ เช่นปลุกกระแสนิยม มีของแปลกใหม่ ให้ในสิ่งที่ลูกค้ายังไม่เคยมีเคยได้มาก่อน ให้สิ่งที่เกินความคาดหวังของลูกค้า เรื่องนี้เป็นเรื่องความฉลาดในการบริหารอารมณ์ของลูกค้า เช่นสร้างบรรยากาศหน้าร้าน หรือจุดติดต่อระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ และ บริหารความภักดีลูกค้าหลักการง่ายๆคือเปลี่ยนจากลูกค้าที่ซื้อครั้งต่อครั้งมาเป็นสมาชิกที่แวะมาหาพบปะกันเสมอแม้ไม่ได้มาซื้อ จากสมาชิกเป็นแฟนพันธุ์แท้รู้จริงรู้ซึ้งและรักเรา ดังนั้นการสร้างความรู้สึกร่วมของคนเป็นกลุ่มหรือชุมชน เช่นกรณี รายการให้คนโทรศัพท์เข้ามาแสดงความคิดเห็นก็ได้มีส่วนร่วมและแชร์ความคิดกัน หรือส่ง SMS ข้อความย่อผ่านมือถือเข้าแสดงความดีใจหรือ เสียใจให้แก่กัน หรือเข้ามาทายผลการแข่งขัน แสดงความคิดเห็น ผ่านมือถือออกปรากฏหน้าจอทีวี นี้คือการสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างการรวมตัวของกลุ่มคนหรือชุมชนขึ้นชั่วคราว แต่ถ้าแบรนด์สามารถสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างชุมชนถาวรขึ้น นั่นคือสร้างกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ให้เกิดขึ้น คนของเราที่จะสัมผัสลูกค้า การแสดงออกท่าทีการชักจูงให้ลูกค้ามีส่วนร่วมและรวมกลุ่มด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจคือหัวใจของการสร้าง Passion (ธุรกิจผลิตContent สร้างฝัน บันเทิง ความรู้และการศึกษาจัดเป็นธุรกิจดาวรุ่ง ไม่ว่าเป็นเกมส์ เพลง ภาพยนตร์ กีฬา)
T-ime เวลาลูกค้าจะประหยัดเวลาลูกค้า เวลาในการหาข้อมูล เวลาในการทำ เวลาในการรอ เวลาในการเก็บ เวลาในการนำไปทิ้ง ยิ่งลูกค้าเร่งด่วนเท่าไร เรายิ่งให้บริการก่อนและรวดเร็วก็จะยิ่งสร้างความประทับใจ ผลิตภัณฑ์บางอย่างก็เกิดขึ้นเพื่อประหยัดเวลาในเวลาเร่งรีบ เช่นตอนเช้า ผลิตภัณฑ์ อาหาร Cereal และ เครื่องดื่มยามเช้า อาหารสำเร็จรูป อาหารพร้อมปรุงต่างๆ เป็นตัวช่วยประหยัดเวลาทั้งสิ้น(ทำไม ธุรกิจ ห้าง ธุรกิจบัตรเครดิต ที่มีฐานสมาชิกลูกค้าตัวเองจึงมีอำนาจต่อรองกับ ซัพพลายเออร์มหาศาล แยกแยะว่าสินค้าอะไรบริการอะไรควรจะสู่ลูกค้าตัวเอง)
I-nformation การให้ความรู้และข่าวสารข้อมูลที่ทันสมัย ตรงตามจังหวะที่ลูกค้าต้องการ ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าเป็น โฆษณา ประชาสัมพันธ์ จดหมายข่าว โทรสายด่วนตอบปัญหา เว๊ปไซด์ การอบรมให้ความรู้ แบบที่รัฐให้กับผู้ประกอบการ SMEs เป็นต้น หรือการให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้า แนะนำการแต่งตัวสำหรับเสื้อผ้าแฟชั่น แนะนำการถ่ายภาพสำหรับกล้องถ่ายรูป แนะนำเรื่องสถาปนิก ผู้รับเหมา และร้านค้าวัสดุก่อสร้างให้สำหรับเจ้าของบ้าน แนะนำคู่ค้าในการทำธุรกิจ การบริหารช่องทางข่าวสารที่เข้าถึงลูกค้ามีความสำคัญมากขึ้น และแบรนด์ใดสามารถสร้างช่องทางตัวเองเข้าสู่ลูกค้าตนเองได้ก่อนก็เท่ากับเป็นเจ้าของสถานีที่มีคนดูคนฟังเป็น ลูกค้าตนเองล้วนๆ(ทำไมเจ้าของสื่อ สถานีโทรทัศน์ วิทยุ และมือถือ เว๊ปไซด์ ถึงได้รวย)
M-oney ประหยัดเงิน เช่น ยางมิชิลิน ประหยัดน้ำมัน เครื่องใช้ไฟฟ้า เบอร์ 5 ประหยัดไฟ สมาชิกได้ส่วนลด 10% ซื้อเหมาโหลถูกกว่า หรือสินค้าเรียบง่ายราคาประหยัด ล้วนแต่สนองความต้องการเรื่องประหยัดเงินทั้งสิ้น นอกจากเรื่องประหยัดยังมีเรื่องสร้างให้ลูกค้ารวย ขายความรวย เช่น พ่อรวยสอนลูก ล้มแล้วลุก ซื้อแล้วรวย แม้แต่ของที่เรียกว่ากูให้มึงรวย ก็ตาม (ทำไมเจ้าของธนาคารถึงรวย)
A-ttention ความตั้งใจลูกค้า การเรียกร้องความสนใจ ลูกค้ามีความตั้งใจที่จำกัด ดังนั้นเราต้องเรียกร้องความสนใจลูกค้า เทคนิคในการเรียกร้องความสนใจหรือทำให้ลูกค้าสนใจ โดยอาศัยการสร้างสรรค์ ที่ดี Creativity with High Impact ไม่ว่าจะเป็น การสื่อสารการตลาด การจัดหน้าร้าน การจัดงาน Event (ทำไมธุรกิจสร้างสรรค์ ออกแบบ และโฆษณา จึงเป็นธุรกิจที่ไม่เคยตาย)
L-ifestyle บทบาทคุณค่าใหม่ทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น เพราะ แบรนด์คือ คุณค่าที่ลูกค้าได้ใช้มันในชีวิตประจำวัน ได้กอดมัน ดูดดื่มมัน ได้สัมผัสมัน และมีมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน Brand is innovative idea that customer live by นั้นคือผลิตภัณฑ์และสิ่งที่เราจะเสนอลูกค้านั้นจะสามารถ สร้างคุณค่าใหม่ในชีวิตลูกค้า นำเสนอรูปแบบ Styling ที่ลูกค้าต้องการหรือนิยมชมชอบได้หรือไม่ ผลประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับแบบบูรณาการ สิ่งที่เราจะถามคือ เราจะมอบอะไร What ให้ใคร Who นำไปใช้กับใคร With whom ที่ไหน Where เมื่อไร When อย่างไร How เป็นการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า ตลอดขบวนการซื้อ ก่อนซื้อ ขณะซื้อ และหลังซื้อ เมื่อได้แล้ว เราจะดูว่าเราสามารถ สร้างสรรค์ อะไรใหม่ๆได้ด้วยหลักการของ CEO2 ซึ่งผู้อ่านสามารถศึกษาได้จาก หนังสือ Experiential Relationship Management-ERM มีกล่าวไว้โดยละเอียดโดยผู้แต่งคนเดียวกัน
III.Value Creation เราสร้างคุณค่าด้วยอะไร ที่สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ แน่นอนการสร้างความแตกต่าง สามารถสร้างได้ 5 มิติ ตัวผลิตภัณฑ์ Product, ตัวข่าวสารข้อมูล ภาพพจน์ภาพลักษณ์ Information/Image, บริการให้คำแนะนำปรึกษาช่วยเหลือService ,การสร้างความสัมพันธ์ผูกใจลูกค้าRelationship, และการบริหารอารมณ์และประสบการณ์ที่เป็นเลิศให้ลูกค้าManaging Experience/Passion รวมกันเรียกว่า PRISM โมเดล ซึ่งเป็นโมเดลลิขสิทธิ์ของ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง กูรู แอสโซซิเอชั่น จำกัด เราสามารถนำ หลัก CEO2 มาใช้สร้างสรรค์ สิ่งใหม่ได้เช่นกัน หากท่านสนใจหาอ่านได้จากหนังสือ ERM เพิ่มเติมตามที่ได้กล่าวมาแล้ว

IV.Value Delivery เราส่งมอบคุณค่าผ่าน ช่องทางการสื่อสารและช่องทางขายอย่างไร Channel Communication พูดอีกนัยหนึ่งคือจุดสัมผัสติดต่อระหว่างลูกค้ากับเรามีได้กี่วิธี กี่ช่องทาง ติดต่อกับใคร และจะเก็บข้อมูล การแลกเปลี่ยนนั้นอย่างไร การแลกเปลี่ยนอยู่ในรูป ความคิด ถามตอบ ซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ วิจารณ์ รับผลิตการ ต่อว่า ข้อเสนอแนะ ออกแบบผลิตภัณฑ์เอง เราจะส่งเสริมลูกค้าให้ทำกิจกรรมเหล่านี้ได้อย่างไร เช่น การตั้งกะทู้ การมีแบบสอบถามความคิดเห็น การตรวจยอดผลิตภัณฑ์ที่ขายไป และการบันทึกประวัติการซื้อ การใช้บริการลูกค้า การใช้ข้อมูลต่างๆเหล่านี้ทำให้เราได้เรียนรู้ลูกค้าดีขึ้นและจะเป็นแรงผลักดันหลักให้เราสามารถปรับปรุง ข้อเสนอเราให้ตรงใจลูกค้าและเป็นประโยชน์กับชีวิตลูกค้าได้ ลงเป็นรายบุคคล หรือกลุ่มบุคคลได้ ตัวอย่างเช่น
- มือถือ จะมีกลุ่มใช้งานเข้า เน็ต มักเป็นผู้บริหารดูข้อมูล กลุ่มชอบแช๊ตคุยนานทั้งวัน กลุ่มชอบส่งSMS กลุ่มกริ้งแล้ววางให้โทรกลับ กลุ่มชอบโหลดเพลงและภาพ เล่นเกมส์ กลุ่มไม่ชอบเทคโนโลยีใช้มือถือแบบโทรศัพท์บ้าน(โทรอย่างเดียว)
- ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง จากแบ่งกลุ่มสินค้าตามCategory เช่น ฮาร์ตแวร์ ไฟ สี กระเบื้อง สุขภัณฑ์ จะเปลี่ยนเป็น การจัดกลุ่มตามการใช้งานเช่น กลุ่มห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว สวนย่อมสนามนอกบ้าน-อาหาร จากแบ่งเป็นกลุ่ม อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง อาหารสด อาหารสำเร็จรูปกึ่งสำเร็จรูป จะเปลี่ยนเป็น อาหารปลอดสารพิษ อาหารเกษตรอินทรีย์ เพื่อสุขภาพ อาหารของดีหายาก อาหารสำหรับคนเร่งรีบ อาหารที่เสริมวิตามินพิเศษหรือสมุนไพร จากการจัดกลุ่มตามผลิตภัณฑ์จะมาเป็นการจัดกลุ่มตาม คุณค่า Value
- ธนาคาร จากการแบ่งผลิตภัณฑ์ เป็น เงินฝาก เงินกู้ บัตรเครดิต เงินเดือนพนักงาน ATM ประกันภัย ลงทุน กองทุน จะเปลี่ยนมาเป็นการผสมผสานผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าในวัยต่าง ตั้งแต่แรกเกิด เด็ก วัยรุ่น ก่อนแต่งงาน หลังแต่งงาน มีลูก มั่นคง หลังเกษียร แน่นอนหากพิจารณาตาม Valueที่ลูกค้าต้องการจะพบว่าลูกค้ามีความต้องการแตกต่างกันตาม สไตล์ ช่วงชีวิต การใช้งานหรือ ดำเนินชีวิตประจำวัน
ดังนั้นเราจะสร้างสรรค์ยุทธ์ศาสตร์การตลาดได้ดี ต้องมี 4 ขั้นตอน คือ กำหนด ทิศทางสร้างสรรค์ยุทธ์ศาสตร์เพื่อสร้างคุณค่าให้ลูกค้าValue definition จากการศึกษาหาข้อมูลด้วย Customer Insight และ Data Mining ,ตามมาด้วยการออกแบบValue Designสร้างสรรค์คุณค่าที่แตกต่างแปลกใหม่ให้ลูกค้าด้วย หลัก OPTIMAL,Value Creation การตอบสนองความต้องการลูกค้าด้วย หลัก PRISM และ CEO2 ,Value Delivery การส่งมอบคุณค่าด้วยการสรรหา ช่องทางการติดต่อสื่อสารและช่องทางการขายไปยังลูกค้าด้วยการบริหารจุดติดต่อและจุดสัมผัสระหว่างเราและลูกค้าเพื่อ บริหารประสบการณ์และความฝันใฝ่ในใจลูกค้า เพื่อประโยชน์และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
ที่มาจาก: ชูศักดิ์ เดชเกรียงไกรกุล CEO MGA