เปิดร้านค้าออนไลน์บน Facebook กันเร็วววว....

ทุกบทความของ Khonoffice ที่มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ก็จะวกวนอยู่กับ ร้านค้าออนไลน์ และ เฟสบุค ซะเป็นส่วนมาก เพราะว่ามันช่างเหมาะสมกับ พนักงานออฟฟิตอย่างเราเหลือเกิน ที่ว่างปุ๊ป!! ก็ชะแว่บ ไปส่อง Facebook กันทันที วันนี้ว่าง ๆ เลยแอบไปดูบทความเกี่ยวกับ Application สำหรับเปิดร้านค้า ก็เลยได้มา นำเสนอกันดังต่อไปนี้ จ้า
เป็น Application ฟรี ๆ เลยค่ะ ต้องขอขอบพระคุณจริง ๆ กับของฟรี ดี ๆ ทีมีบนโลก ...
อันดับแรก เปิดเฟสบุคเอาไว้ แล้วเข้าไปที่ ลิงค์นี้เลย http://www.payvment.com/
คลิกไปที่ Open Your Free Store Now!

จากนั้น คลิก “ไปยังแอพ”
จากนั้นคลิกที่คำว่า Setup Store
ใส่ข้อมูลเกียวกับร้านค้า ชื่อร้านค้า ,email สำหรับติดต่อ
ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า ที่อยู่ รายการสินค้า ฯลฯ
ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับการรับชำระเงิน ซึ่งบัญชีจะเชื่อมกับ paypal ใครยังไม่ได้เปิดกับ paypal ลองไปสมัครเปิดบัญชีดูค่ะ
หรือศึกษาจาก VDO ตามลิงค์นี้เลยค่ะ http://support.payvment.com/home

ง่าย ๆ แบบนี้ ก็น่าลองดูสักตั้งน่ะค่ะ เล่นเฟสบุคแถมได้รายได้เสริม เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราจริง ๆ ^_^

Ipad มีไว้ทำอะไร....^&^


เมื่อวาน ได้คุยกับน้องคนหนึ่ง เขาบอกว่า อยากได้ Ipad 3 มาก ๆ ให้ khonoffice หาข้อมูลราคาให้..อ่อ ลืมบอกไป น้องเขากำลังเข้าปี 1 เอก วิทย์-คอมฯ khonoffice เลยย้อนถามกลับไปว่า ต้องการ Ipad 3 ไปทำอะไร แต่น้องเขาย้อนกลับมาถามเราว่า แล้ว "Ipad 3" ทำอะไรได้บ้างล่ะ กำ!! ฟังแล้วมันจี๊ดมาก เลยต้องจัดเอาความสามารถของ Ipad ว่าเขามีไว้ทำอะไรมาให้วิเคราะห์กัน ^_^
1. ฟังเพลงเพราะ ๆ ด้วย iPad วันว่าง ระหว่างเดินทาง หากต้องการฟังเพลงใช้ iPod บน iPad หมายเหตุ : การฟังเพลงแนวลูกทุ่ง หมอลำให้ผลงานที่น่าพอใจอย่างยิ่ง

2. ดูหนังด้วย Videos ใส่หนังเรื่องโปรดเข้าไป ใน iPad เพื่อนำไปชมทุกๆ ที่ที่เดินทางไป

3. แผนที่ดาวเทียมด้วย Maps แสดงตำแหน่งที่เราอยู่บนผืนโลกด้วยโปรแกรมแผนที่ ที่ยอดเยี่ยม ด้วยระบบ GPS

4. Twitter โดย Twitterrific เล่น ทวิตเตอร์ เพื่อการส่งเสียงไปยังเพื่อนๆ ง่ายๆ สนุกๆ ด้วย Twitterrific, Twitter

5. บันทึกเสียงด้วย iTalk บันทึกการประชุม การบรรยาย การพูดคุย ด้วยโปรแกรม iTalk

6. อ่านหนังสือด้วย iBooks อ่านหนังสือด้วยโปรแกรม iBooks เสมือนกับการอ่านหนังสือจริงๆ

7. อ่านหนังสือ PDF ด้วย GoodReader หนังสือจำนวน 1,000 เล่ม เข้าไปอยู่ใน iPad พร้อมเดินทางไปทุกๆ ที่

8. ดูคลิปด้วย YouTube Clip ดีๆ ดูได้ด้วย YouTube
9. วิเคราะห์เว็บไซต์ด้วย Analytics HD ใครมีเว็บไซต์ของตัวเองหากต้องการติดตามสถิติการเข้าชม เว็บไซต์ของเราใช้ Analytics HD ช่วยแสดงผล

10. จัดการเอกสาร DOC,XLS ด้วยQuickoffice ทำงานเอกสาร *.doc , *.xls เอกสารที่เราทำงานในระบบ Windows

11. เตรียมนำเสนอด้วย Keynote เมื่อต้องเตรียมตัวบรรยาย หรือนำเสนอ Keynote ช่วยได้ (คล้าย PowerPoint)

12. จัดการตัวเลขคำนวณด้วย Numbers ทำงานคล้าย Excel ใช้ในการจัดการเกี่ยวกับตัวเลข

13. เตรียมหน้าเอกสารด้วย Pages ทำงานคล้าย MS Word ใช้จัดการเอกสาร

14. ค้นหาคำศัพท์ด้วย Dictionary Deluxe Dictionary American Heritage ค้นหาคำศัพท์

15. Dictionary ภาษาไทยด้วย Thai Dict Library

16. Print งานจาก iPad ไปยังเครื่องพิมพ์โดย Print n Share

17. ใช้ iPad เป็น Remote control ด้วยโปรแกรม Remote เราสามารถจะควบคุมการนำเสนอด้วยโปรแกรม Keynote บน Macbook ได้แบบเต็มรูปแบบ การเลื่อน slide ไปมาทำได้บน iPad ดังนั้นเราจึงเดินไปรอบๆ ห้องได้เลย ไม่ต้องนั่งอยู่กับเครื่อง MacBook ตลอดเวลา ระหว่างการนำเสนอ

18. ใช้ iPad เป็น Remote ในการควบคุมกล้อง DSLR เมื่อต้องถ่ายภาพด้วยกล้องDSLR ใน Studio เราสามารถจะใช้ iPad เป็น Remote กล้อง โดยสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ของเลนส์ และตัวกล้องได้ หลักการง่ายๆ เพียงต่อสาย USB ของกล้องเข้ากับ เครื่อง MacBook และ iPad ใช้ Wireless network เดียวกันกับ MacBook เท่านั้น

19. ใช้เขียน Mind Map ด้วย MindNode Mind Map อีกตัวหนึ่งที่ใช้งานง่ายบน iPad

20. ใช้เขียน Mind Map ด้วย iMindMapMobile iPad จะมีความคล่องตัวมากในการเขียนแผนที่ความคิด โดยเฉพาะโปรแกรม iMindMap โปรแกรมทางการของ Tony Buzan ต้นตำรับ Mind Map

21. บริหารเงิน รายรับ รายจ่ายด้วย Money iPad มีโปรแกรมที่ช่วยในการบริหารการเงิน การใช้จ่าย รายรับ ชื่อ Money ลองใช้งานดูแล้ว สามารถจะ Sync ระหว่าง iPad, iPhone และ MacBook Pro ได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เห็นภาพรวมของการใช้จ่ายเงิน

22. e-mail ด้วย โปรแกรม Mail สะดวกในการ Check Mail ส่ง Mail ทั้งของ Yahoo, Gmail, Hotmail รวมอยู่ที่เดียวกัน ชีวิตง่ายขึนมาก

23. เล่น Net ด้วย safari เล่นอินเตอร์เน็ต ท่องไปตามหน้าเว็บต่างๆ อย่างสนุกด้วยโปรแกรม Safari ที่มาพร้อมกับเครื่อง iPad ของเรา

24. วางแผนการทำงานด้วย Calendar วางแผนการทำงาน การนัดหมาย ทั้งมุมมองแบบวัน สัปดาห์ และเดือน คุณจะไม่พลาดการนัดหมาย รวมทั้งสามารถ Synch กับเครื่อง PC/MacBook ของเราได้ด้วย เพื่อเชื่อมโยงไปยังมือถือ
25. พัฒนาทักษะการใช้คำศัพท์ด้วย Scrabble เกมส์ Scrabble เกมส์ที่จะช่วยให้เราฝึกการใช้คำศัพท์ การค้นหาคำ การวางแผนชนะคู่ต่อสู้ หน้าจอจะเหมือนกระดานการแข่งขันจริง

26. ติดตามชมภาพสวยๆ ฝีมือระดับโลก จาก Eyewitness ผลงานช่างภาพมืออาชีพ มีให้ชมพร้อมข้อแนะนำเทคนิคแนวคิดการถ่ายภาพ แฟนๆ Canon จะชอบมาก

27. เข้าถึง ธนาคาร Online ผ่าน Thai Bank App นี้จะพาเราวิ่งไปยังหน้า Login ของทุกธนาคาร Online ในประเทศไทย แต่สิ่งสำคัญเราจะต้องมีเงินใน Bank นั้นๆ ด้วยจึงจะได้ประโยชน์ (อิอิ)

28. ติดตามอ่านข่าวโดย Post Today, Nation News, Thai News ข่าวสำคัญภาคภาษาไทยที่ iPad จะช่วยให้เราไม่พลาดต้อง App ชุดนี้ ทุกที่ทุกเวลา

29. Sketch ภาพด้วย SketchBook วาดภาพ ตามชื่อโปรแกรม การลากเส้น การวาดสี โปรแกรมนีทำได้ดี iPad จะกลายเป็นกระดาษสำหรับการวาดภาพไปเลย

30. ค้นข้อมูลการใช้ยาด้วย iMeds XL รายชื่อยา สรรพคุณ การใช้งาน อยู่ในโปรแกรมตัวนี้ แต่ยังไม่มีภาษาไทยนะ.. คาดว่าอีกไม่นานจะมีการพัฒนาภาษาไทย โดยคนไทย...

31. อ่านข่าวสารภาษาอังกฤษด้วย BBC News, AP News, China Daily Digest, USA Today, ABC News, Bangkok Post, News Pro REUTERS, คนที่ติดตามข่าวสาร App ชุดนี้ ช่วยให้เราใช้ iPad ได้อย่างสนุก

32. ค้นหาข้อมูลความรู้ผ่าน Wikipanion ค้นหาทุกเรื่องด้วย Wikipanion

33. เรียนรู้การโพสท่าสำหรับช่างภาพมืออาชีพ Poses Vol 1-3 โปรแกรมรวมท่าการโพส สำหรับนางแบบ เหมาะกับช่างภาพที่รับถ่ายภาพนางแบบ

34. ใช้เป็นเข็มทิศนำทางกลับบ้านด้วย Compass HD หากหลงทางกลับบ้านไม่ถูกให้โปรแกรมนี้ช่วย เพราะ iPad ของเราจะกลายเป็นเข็มทิศ แสดงทิศเหนือใต้ให้เราทราบ...สำคัญกลับถึงบ้านคิดหาคำอธิบายภรรยาไว้ด้วย ทำไมหลงทาง (iPad อาจจะช่วยป้องกันมือไม้ได้ )

35. แสดงหน้าจอเครื่อง PC บน iPad ด้วย I Teleport แอบดูลูกๆ เล่นคอมพิวเตอร์ด้วยการแสดงหน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์ บน iPad โปรแกรมนี้ เด็กๆ ไม่ชอบ แต่พ่อแม่ชอบ หน้าจอเครื่อง Mac Book จะมาแสดงบน iPad สามารถเข้าถึงได้จาก Internet ทางไกล...

36. เล่น Piano ด้วย Pianist Pro เปียโน เสียงดี เล่นสนุก
37. ตีกลองด้วย Drum Kit XL กลองชุด สำหรับการฝึกเล่นดนตรี

38. วาดภาพสวยๆ ด้วย Art Studio ฝึกวาดภาพด้วย iPas

39. ชมภาพสวยๆ มรดกโลก จากทั่วโลกด้วย fotopedia Heritage ภาพสวยๆ จากแหล่งมรดกโลก (World heritage) ทั่วโลก รวมทั้งเมืองไทย พร้อมข้อมูลสรุปสำคัญๆ
40. แผนที่โลก ทุกทวีปด้วย World Atlas โปรแกรม แสดงแผนที่โลก รวมทุกทวีป อย่างละเอียด พร้อมให้คุณพกพาไปได้ทุกที่

41. เล่น เกมส์ขับรถแข่งด้วย Asphalt 5,GT Racing, 2XL Rally HD, Real Racing HD iPad ทำงานได้เยี่ยมมากสำหรับการขับรถ... การเลี้ยวก็ทำโดยการเอียง iPad ไปมา

42. เล่น Snooker ด้วย Snooker HD ใครชอบ Snooker โปรแกรมนี้ไม่ผิดหวัง เล่นเหมือนจริง
43. จัดการรายชื่อเพื่อนด้วย Contact, Group, Fast Add

44. จัดเก็บภาพสวยๆ ของเราด้วย Photos ภาพสวยๆ นำไปได้ทุกที่ด้วยโปรแกรม Photos โดยการโอนภาพเข้า iPad ด้วยอุปกรณ์ Camera KIT
45. เล่น Facebook ด้วย Facebook เครือข่ายทางสังคม Social Network เพื่อการสื่อสารกับเพื่อนๆ ของเราผ่าน Facebook

46. บันทึกด้วยลายมือโดย Penultimate ใช้ iPad เป็นกระดาษบันทึกลายมือ

47. จัดการสิ่งที่ต้องทำด้วย Todo, Things การจัดการ To-Do list งานที่จะต้องทำในแต่ละวันหรือ แต่ละโครงการสำคัญ

48. ใช้เป็น Film slate ในการถ่ายหนัง ใครทำงานกับการถ่ายภาพยนตร์หรือ การถ่ายหนังสั้น อุปกรณ์ slate จะมีประโยชน์มาก

49. จัดการงานบริหารเวลาแบบ Covey ด้วย FC Tasks การบริหารเวลาในแบบ Stephen R Covey เป็นการให้ความสำคัญ และการจัดลำดับของงานแบบ A B C ที่น่าสนใจ

50. ติดตามสภาวะอากาศ ก่อนเดินทางด้วย AccuWeather รายงานสภาวะอากาศแบบ Real-time พร้อมให้เราติดตาม ก่อนการเดินทาง แสดงอุณภูมิ สภาพฟ้าฝน
iPad App สำหรับคนชอบถ่ายภาพ Photography/Foto/Photographer/Arts
1. Photoshop Express App สำหรับแต่งภาพที่ตอบโจทย์ ทุกอย่าง
2. Impression เพิ่มตัวอักษรลงไป ให้กับภาพ
3. CameraBag แต่งภาพด้วย Filter สวยๆ
4. TiltShiftGen ทำภาพให้เหมือนเลนส์ของกล้อง DSLR
5. PhotoPad ปรับแต่งพื้นฐานต่างๆ
6. Adobe IDEA เขียนข้อความด้วยลายมือลงไปในภาพ
ต้องขอบคุณ กับ ความรู้อันนี้จริง ๆ กับความสามารถของ Ipad แต่ถ้าใครได้ลองใช้แล้ว Ipad มีความสามารถได้มากกว่าที่แจ้งมา ก็มาบอกต่อกันบ้างน่ะค่ะ
ที่มาจาก:http://guru.google.co.th/guruhttp://guru.google.co.th/guru

ขายของออนไลน์ ไม่ใช่แค่การสร้างเว็บไซต์

การขายของออนไลน์ ไม่ใช่แค่เพียงการสร้างเว็บไซต์ ขึ้นมา แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้เพื่อรอให้ใคร ๆ เข้ามา ถ้าแบบนั้น ต้องรอกันจนหนวดงอกกันเลยทีเดียว อิอิ เว็บไซต์เราก็เหมือนหน้าตา บริษัท หรือร้านค้านั้น ๆ ซึ่งก็มีหลายเว็บไซต์ที่ทำเว็บไซต์ขึ้นมาแต่ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามาเลย ดังนั้น เรามาดูตัวแปรสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์เรา รุ่งโรจน์ หรือ รุ่งริ่งกัน
  1. การนำเสนอข้อมูลเว็บไซต์ ที่ยังขาดทักษะเรื่องการใช้ภาษา การนำเสนอขายสินค้า ที่บางทีก็ใส่รายละเอียดแค่ รูปภาพและราคา ซึ่งทำให้ความเชื่อถือนั้นลดน้อยลงตามไป และนโยบายต่าง ๆ ของเว็บไซต์ที่เขียนไว้ไม่ชัดเจน เช่น รับคืนสินค้า เนื่องจากกรณีใดบ้าง ,ชำระเงินภายในกี่วัน จึงจะได้รับสินค้า หรือบางเว็บไซต์ก็ใส่รายละเอียดไว้เยอะ มากมาย จนลูกค้าตาลาย อ่านแล้วไม่เข้า ฯลฯ เป็นต้น
  2. สำหรับบางคนที่ทำเป็นธุรกิจส่วนตัว หรือ ทำเป็นรูปแบบบริษัท ขาดบุคคลที่มีความรู้ ในการตอบปัญหาเรื่องสินค้า รายละเอียดสินค้า หรือจะเป็นในเรื่องของตอบอีเมลล์ลูกค้า ซึ่งถ้าเราทำการขายสินค้าออนไลน์ สิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถของท่านคือการตอบอีเมลล์แบบด่วนจี้.....
  3. ขาดการวางแผนการตลาดที่ดี ซึ่งในวัน ๆ หนึ่งมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมาเป็นหมื่นเว็บไซต์กันเลยทีเดียว หากท่านไม่วางแผนประชาสัมพันธ์กลุ่มเป้าหมาย แล้วมีเว็บไซต์ไปก็เท่านั้น ซึ่งการทำการตลาดที่ดีก็ควรจเจาะกลุ่มเป้าหมายไปเลย ไม่ทำแบบเหวี่ยงแห..
  4. ขาดการดูแลเอาใจใส่ เช่น โปรโมชั่นเก่าเก็บก็ยังโชว์อยู่ที่หน้าเว็บไซต์ทั้งที่ ก็มีโปรชั่นใหม่เข้ามา พอลูกค้าโทรมา ก็บอกว่าหมดโปรโมชั่นนั้นแล้ว ทำให้ลูกค้า หรือผู้เข้าชมเว็บไซต์เสียความรู้สึก ทัศนคติที่ดีก็จะหายไปในบัดดล
  5. บางเว็บไซต์ก็หลงใหล กราฟฟิค แอนนิเมชั่น เสียงเพลง โดยหารู้ไม่ว่า นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณต้องเสียเวลาโหลดนาน กว่าจะได้เห็นสินค้า หรือหน้าเว็บไซต์แต่ละหน้า ถ้าเป็นการออกแบบเว็บไซต์แบบเรียบง่าย สบายตา แต่ข้อมูลอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ น่าจะดีกว่าน่ะ
สรุปง่าย ๆ ก็คือ เราควรทำเว็บไซต์ที่ดีดู มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อเว็บไซต์ ดูแลเอาใจใส่ เว็บไซต์ในเรื่องข้อมูลให้อัพเดทใหม่ ๆ อยู่เสมอ วางแผนการตลาดแบบครอบคลุมไปยังกลุ่มเป้าหมาย และสุดท้ายตอบข้อสงสัยของลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง
ไม่ยากเลยใช่ม่ะ เป็นวิธีพื้นฐานที่สุดที่ใคร ๆ ก็สามารถที่จะทำได้ ขอแค่เรามีใจรักงาน ขายสินค้าออนไลน์ ยอดขายจะพุ่งกระฉูดแบบหยุดไม่อยู่กันเลย ^_^

สมาร์ทโฟน+เฟชบุค เครื่องมือสร้างรายได้สำหรับร้านค้าออนไลน์

          วันนี้ khonoffice ได้อ่านข่าว ที่หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ หัวข้อข่าวคือ “สมาร์ทโฟน เครื่องมือสร้างรายได้ใหม่เฟชบุค” ก็เลยจะเอามาปรับใช้กับพนักงานออฟฟิตอย่างเรา ที่มีทั้งสมาร์ทโฟน (หรือบางคนที่ยังไม่มี อิอิ) และก็ชอบเล่นเฟชบุคเป็นชีวิตจิตใจ ลองมาปรับกลยุทธ์ นำสิ่งดี ๆ ทั้งสมาร์โฟนและเฟชบุค มาสร้างรายได้ ร้านค้าออนไลน์ให้เราดีกว่า

           เนื้อหาในข่าว โดยย่อมีอยู่ว่า “คนส่วนใหญ่หันมาให้อุปกรณ์พกพาแทนพี่ซีกันมาก เดือน มีนาคม 2555 ผู้ใช้สมาร์ทโฟนในสหรัฐใช้เวลาเล่นเฟชบุคเฉลี่ย 441 นาที/ เดือน หรือ 7 ชั่วโมง 21 นาที เทียบกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(PC) 391 นาที/เดือน หรือ 6 ชั่วโมง 31 นาที สัญญาณที่ดีเริ่มมาแล้ววว สำหรับคนที่ขายสินค้าบนเฟสบุค จะเห็นได้ว่า ตลาดสมาร์ทโฟนก็เติบโตอย่างฉุดไม่อยู่ เฟสบุค ผู้คนก็ติดกันง่อมแง่ม ตอนนี้ 3G ในบ้านเราก็เริ่มมีทั่วทุกสารทิศ ถึงแม้จะยังไม่เต็มร้อย ก็ตาม จากการสังเกตของ khonoffice นั้น ร้อยละ 90 ของคนที่ใช้รถไฟฟ้า เมื่อมาถึงสถานีรถไฟฟ้าปุ๊ป!! ทุกคนจะหยิบสมาร์ทโฟนตนเองขึ้นมากดทันที เข้าไปดูเฟสบุค เล่นเกมส์ ฯลฯ เป็นต้น
           แล้วแบบนี้จะมั่วรอช้าอยู่ใย เราก็มาทำการตลาดผ่านเฟสบุค อัพรูปขายสินค้าผ่านเฟสบุค อัพเดทข่าวสารสินค้าตัวใหม่ผ่านเฟสบุค ด้วยสมาร์ทโฟน กันดีกว่า... ^&^ ทำได้ทุกที ทุกเวลา ขายสินค้าผ่านเฟชบุคด้วยสมาร์ทโฟนของเรา ---- แต่ก็อย่าอัพเดทมากซะจน เพื่อน ๆ คนอื่นเขารำคาญล่ะ เดี๋ยวเขาจะบล็อกเราซะก่อน

10 วิธีที่นักการตลาดใช้ Twitter

Twitter ถือเป็น social network site อีกเว็บนึง ที่ให้เราสามารถอัพเดทสถานะเรา ว่า ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ โดยใช้ตัวอักษรไม่เกิน 140 ตัวอักษร โดยที่คนที่เป็นคน Follower เรา ก็จะรู้ว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งนักการตลาดบนโลกออนไลน์เล็งเห็นความสำคัญตรงจุดนี้ ซึ่งถือว่าเป็น วิธีโปรโมทสินค้า หรือโปรโมทตัวเอง ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญต้นทุนต่ำอีกด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะไปป่าวประกาศ หรือบอกกับใครว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ ให้คนอื่นได้รับรู้ วันนี้เรามาดู 10 วิธี ของ Twitter ที่นักการตลาดใช้ นั่นมีอะไรบ้าง
1. ใช้สร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง
คือใช้ในการ update ตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรที่น่าสนใจ หรือว่าเจ๋งๆ อยู่เป็นต้น ข้อนี้ถ้าใครเป็นพวกที่มีชื่อเสียง ก็จะได้เปรียบมาก เพราะว่าใครๆ ก็อยากรู้อยู่แล้ว ว่าคนพวกนี้เค้ากำลังทำอะไรกันอยู่
2. หาเพื่อน Twitter จาก Social Networking Sites ที่เราชอบ หรือว่าใช้เป็นประจำ
ลองแนะนำพวกเพื่อนๆ Hi5 หรือว่า Facebook ของเราให้มาสมัครใช้ Twitter กันดูซิครับ
3. หาเพื่อนจาก Social Networking Sites อื่นๆ เพิ่ม
ข้อนี้จะคล้ายๆ กับข้อข้างบน โดยให้หาเพื่อนที่มีความชอบ หรือว่าสนใจในเรื่องเดียวกันจาก Social Networking Sites อื่นๆ
4. สร้างเครือข่ายต่างๆ มา connect กับ Twitter ของเรา
โดยเราอาจจะแปะพวก Twitter Clients ต่างๆ ไว้ตาม Social Networking Sites อื่นๆ หรือว่า Blog หรือว่า Websites ของเรา เพื่อที่พวกเค้าจะได้เห็น Twitter Status Update ของเราได้ง่ายๆ
5. สำหรับคนมี Blog เป็นของตัวเอง
ให้เราชวนสมาชิกของเว็บ Blog เรา ให้ติดตามเราโดยใช้ Twitter ติดตามไปด้วยกัน
6. ติดตาม หรือ Following คนอื่นๆ
โดยเฉพาะคนที่เราสนใจ ให้ลองเช็คดูว่าเค้าได้ติดตามใคร หรือว่ามีใครที่ติดตามเค้าอยู่บ้าง เพื่อที่เราจะได้ขอตามไปดูคนพวกนั้นเพิ่มอีกคน เผื่อว่าเราจะได้ไอเดียใหม่ๆ จากเค้าพวกนั้นก็เป็นได้
7. Update เหตุการณ์สำคัญๆ
ข้อนี้มีประโยชน์มากๆ เลย ลองนึกดูว่าถ้าเราต้องใช้มือถือโทรไปบอกทุกๆ คนแล้วละก็ เราคงต้องเสียเวลา แล้วก็เสียเงินไปไม่ใช่น้อย
8. ถามคำถาม
ซึ่งบางทีอาจจะมี Followers ของเรา สามารถช่วยเราตอบคำถามพวกนี้ได้ หรือว่า Followers ของเราคนนั้น เค้าอาจจะเอาช่วยไปถามต่อ แล้ว Followers ของพวกเค้าเองก็อาจจะตามมา follow หรือว่าติดตามเราก็เป็นได้นะ
9. เพิ่มค่าให้กับ Twitter คนอื่นๆ
คือไม่ใช่เอาแต่ promote links ของเว็บตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสุดท้ายแล้วคนก็จะรู้แกว แล้วก็จะไม่ follow หรือว่าติดตามเราอีกต่อไป
10. ระบุชื่อหัวข้อกับ Link ตอนอัพเดทสถานะ
คือถ้าจะให้ดีต้องมีหัวข้อ แล้วก็ Link ของเรื่องนั้นๆ หรือว่าคำอธิบายสั้นๆ ซึ่งเค้าอาจจะต้องการจะเข้าไปอ่านต่อเพิ่มเติม หรือว่าเข้าไปช่วยโหวต หรือว่าอาจจะ Digg ให้กับเราก็เป็นได้

อ้างอิงจาก : http://pccompete.com

AB Testing สำหรับทดสอบพฤติกรรมผู้บริโภค

AB Testing คือ วิธีการหนึ่งของนักการตลาดที่ใช้สำหรับทดสอบ พฤติกรรมผู้บริโภคว่าเป็นอย่างไร โดยการ ลองผิดลองถูกนี่แหละ
 

คุณเคยลังเลไหม ว่าจะเลือกอะไรดี เช่น คุณเปิดร้านขายเสื้อผ้าอยู่ และมีลูกค้าอยู่กลุ่มหนึ่งเป็นลูกค้าในกรุงเทพฯ
 

คุณกำลังตัดสินใจที่จะผลิตเสื้อผ้าล็อตใหม่ออกมา แต่ไม่รู้ว่า จะเลือกอันไหนดีระหว่าง เสื้อลายสีฉูดฉาด กับ เสื้อเรียบแต่ดูดี

หากคุณจะต้องผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก แล้วปรากฏว่าลูกค้าไม่ต้องการ (พูดง่ายๆก็คือ ขายไม่ออก) มันก็จะทำให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจได้

เราจึงมีวิธีการทดสอบแบบง่ายๆ โดยการ ผลิตมันออกมาทั้งสองแบบเลย แต่ในปริมาณน้อยๆก่อน เพื่อทดลองพฤติกรรมของลูกค้า แล้วดูว่าสินค้าชนิดใดเป็นที่ต้องการมากกว่ากัน ก็เลือกที่จะผลิตในปริมาณมากๆ

แล้วใช้เทคนิคการทำ Email Marketing 


สมมติว่าต้องการจะส่งอีเมล์บอกโปรโมชั่นลูกค้าว่า มีสินค้าลด นู้น นี่ นั่น มากมายกว่า 70% แต่ผมไม่รู้ว่าจะเลือกหัวข้อ (Email subject) อะไรดี คนส่วนใหญ่ หรือลูกค้าถึงสนใจที่จะยอมเปิด และคลิกมัน
ก็เลยตั้งหัวข้อเอาไว้ 3 แบบด้วยกันคือ
- โปรโมชั่นออกใหม่ เดือนนี้
- นาฬิกาแบรนด์เนมลดสูงสุดถึง 70%
- ลดล้างสต๊อก ใครช้าอดนะจ๊ะ!


หลังจากตั้งหัวข้อเสร็จ ผมก็จะทำการส่งอีเมล์ 3 รูปแบบนี้ไปยังสมาชิกหรือลูกค้าผม โดยส่งไปเป็นจำนวนเท่าๆกัน หัวข้อละ 200 ฉบับ
 

หากผลลัพธ์ปรากฏว่า แบบที่ 2 มีผลตอบรับดีที่สุด  วันถัดไปให้เลือกที่จะใช้หัวข้อที่ 2 ในการส่งหาลูกค้าที่เหลือทั้งหมด ลักษณะแบบนี้เป็นต้น
 

เทคนิคนี้ลองเอาไปใช้ดูนะค่ะ ง่าย ๆ ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายในการทำวิจัยตลาดมาก เป็นวิธีชาวบ้านไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากค่ะ 

อ้างอิงจาก: http://www.balahave.com/

มาทำความรู้จักเครื่องมือ photoshop (ต่อ)



History Brush tool ยกเลิกการระบายภาพก่อนหน้า ด้วยการใช้เครื่องมือนี้ระบายทับลงไป
Art History Brush tool ทำหน้าที่คล้ายกับ History Brush ต่างกันตรงพื้นที่ที่ยกเลิกการวาดหรือระบาย จะมีลวดลายแบบสีน้ำมันเกิดขึ้น และเครื่องมือนี้ สามารถใช้ได้แม้จะไม่มีการระบายหรือวาดด้วยเครื่องมือใดๆ เราอาจประยุกต์ใช้ในลักษณะการสร้างแบ็กกราวนด์ของภาพได้

Eraser Tool สำหรับลบส่วนของภาพทิ้งไป ด้วยการระบายลงไปที่พื้นที่ที่ต้องการลบ โดยพื้นที่ที่ถูกลบจะถูกแทนด้วยสีด้านหลัง (Background) ที่อยู่ในช่องสี
Background Eraser tool ลบส่วนของภาพทิ้งไป ด้วยการระบายลงไปที่พื้นที่ที่ต้องการลบ โดยพื้นที่ที่ถูกลบจะถูกแทนด้วยสีโปร่งใส (Transparent)
Magic Eraser tool ลบส่วนของภาพทิ้งไป ด้วยการคลิ้กเพียงครั้งเดียว ลงไปที่พื้นที่ที่ต้องการลบ โดยพื้นที่ที่ถูกลบจะถูกแทนด้วยสีโปร่งใสเช่นเดียวกัน โดยจะตรวจสอบตามค่าสีเป็นหลัก คล้ายกับการทำงานของ Magic Wand

Gradient tool ระบายสีลงบนภาพแบบไล่โทนสีจากสีด้านหน้าไปหาสีด้านหลัง ตามค่าสีที่กำหนด มักพบบ่อยในเรื่องของการทำแบ็กกราวนด์ภาพ
Paint Bucket tool ระบายสีลงบนภาพแบบปกติ โดยสีที่ระบายลงไปจะเป็นสีด้านหน้าที่เรากำหนดไว้

Blur tool ทำภาพให้เบลอหรือมัวลงจากเดิม ด้วยการระบายลงไปที่บริเวณที่ต้องการ สามารถประยุกต์ใช้ในการทำแบ็กกราวด์หรือส่วนของภาพให้ดูนุ่มนวลขึ้นได้
Sharpen tool ทำภาพให้คมชัดขึ้น ด้วยการระบายลงไปที่บริเวณที่ต้องการ สามารถประยุกต์ใช้ในการทำภาพที่ไม่ชัด จากการแสกนหรือจากกล้องดิจิตอลได้ ทำให้ภาพชัดเจน เห็นรายละเอียดมากขึ้น
Smudge tool ตกแต่งบริเวณของภาพให้ดูแนบเนียนขึ้น ด้วยการลากระบายลงไปที่บริเวณที่ต้องการ ใช้บ่อยๆ ในเรื่องของการ Retouch ภาพถ่าย

Dodge tool ทำภาพให้สว่าง ด้วยการระบายลงไปที่บริเวณที่ต้องการ สามารถประยุกต์ใช้ทำให้ภาพสว่างเฉพาะส่วนที่ต้องการได้
Burn tool ทำภาพให้มีสีเข้ม ด้วยการระบายลงไปที่บริเวณที่ต้องการ สามารถประยุกต์ใช้ทำให้มีสีเข้มเฉพาะส่วนที่ต้องการได้
Sponge tool pen tool ทำภาพให้มีสีจางหรือซีดลง ด้วยการระบายลงไปที่บริเวณที่ต้องการ สามารถประยุกต์ใช้ทำให้มีสีจางลงเฉพาะส่วนที่ต้องการได้

Pen tool เลือกส่วนของภาพที่ต้องการ ด้วยการคลิ้กเมาส์แล้วปล่อยที่จุดเริ่มต้น แล้วคลิ้กไปเรื่อยๆ จนคลุมบริเวณที่ต้องการ ก็จะได้แนวเส้นพาทล้อมรอบ
Freeform pen tool เลือกส่วนของภาพที่ต้องการแบบอิสระ ด้วยการคลิ้กเมาส์พร้อมกับลากเมาส์ไปคลุมรอบๆ บริเวณที่ต้องการ แล้วค่อยปล่อยเมาส์ ก็จะได้แนวเส้นพาทล้อมรอบ
Add Anchor Point tool เพิ่มจุดแองเคอร์เพิ่มเติม เข้าไปที่เส้นพาท เพื่อการปรับแต่ง แนวเส้นเพิ่มเติม ตามต้องการ เพิ่มจุดแองเคอร์เพิ่มเติม เข้าไปที่เส้นพาท เพื่อการปรับแต่ง แนวเส้นเพิ่มเติม ตามต้องการ
Delete Anchor point tool ลบจุดแองเคอร์เพิ่มเติม ที่มีอยู่เดิมที่เส้นพาท เพื่อการปรับแต่ง แนวเส้นตามต้องการ
Convert Point tool ดัดแปลงแนวเน้นพาทที่ได้ทำไว้ ให้มีโค้ง

Horizontal Type Tool พิมพ์ข้อความแบบตัวอักษรแนวนอนปกติ ลงบนภาพตามที่ต้องการ
Vertical Type tool พิมพ์ข้อความแบบตัวอักษรแนวตั้ง ลงบนภาพตามที่ต้องการ
Horizontal Type Mask tool พิมพ์ข้อความแบบตัวอักษรโปร่งมีเพียงลายเส้นกรอบแบบแนวนอน ลงบนภาพตามที่ต้องการ
Vertical Type Mark tool พิมพ์ข้อความแบบตัวอักษรโปร่งมีเพียงลายเส้นกรอบแบบแนวตั้ง ลงบนภาพตามที่ต้องการยกเลิกการระบาย และวาดภาพ

มาทำความรู้จักเครื่องมือ photoshop

มาทำความรู้จักเครื่องมือ photoshop
หน้าตาโดยรวมของเครื่องมือใน photoshop ก็อย่างที่เห็นกันล่ะค่ะ แต่ทุกคนคงสงสัยว่า เอ้.....มีเยอะแยะขนาดนี้เขาไว้ใช้ทำอะไรกันบ้างน้าา วันนี้ khonoffice จะพาไปทำความรู้จักกันทุกซอกทุกมุมเลยทีเดียว
move tool เป็นเครื่องมือ ย้ายวัตถุ ตามต้องการเลย อาจจะใช้ควบคู่กับอุปกรณ์อื่น เช่น Rectangular Marque Tool

Rectangular marquee tool สำหรับเลือกส่วนของภาพในรูปของสี่เหลี่ยม
eliptical Marquee tool สำหรับเลือกส่วนของภาพในรูปวงกลมหรือวงรี
Single row marquee tool สำหรับเลือกส่วนของภาพในรูปแบบแนวนอน
single column marquee tool สำหรับเลือกส่วนของภาพในรูปแนวตั้ง

Lasso tool สำหรับเลือกภาพ โดยการคลิกเมาส์ค้างไว้ จากนั้นลากไปตามภาพที่ต้องการ
Polygonal Lasso tool สำหรับเลือกภาพเช่นกัน การทำงานเป็นลักษณะ คลิกเมาส์เลือกภาพทีละจุด คือ คลิกเมาส์จุดแรกแล้วปล่อย แล้วลากเมาส์ตามภาพที่ต้องการ แล้วคลิกเมาส์ เพื่อให้เกิดจุด
Magnetic Lasso tool เป็นการเลือกแบบเช็กค่าสีของภาพ เราเพียงแค่คลิ้กเมาส์ที่จุดแรก แล้วปล่อย จากนั้นลากเมาส์ไปเรื่อยๆ ให้ใกล้กับบริเวณที่เราต้องการ เครื่องมือนี้จะไล่ไปตามขอบเขตอัตโนมัติ แบบแม่เหล็ก ทำให้การเลือกภาพทำได้ง่ายและรวดเร็ว
Crop tool สำหรับตัดภาพ เอาเฉพาะบริเวณที่ต้องการเท่านั้น โดยการคลิกเมาส์คลุมภาพที่ต้องการแล้วลากเมาส์บริเวณที่ต้องการเป็น สี่เหลี่ยมแล้วปล่อยเมาส์ เท่านั้นก็จะได้ภาพที่ต้องการ

Slice tool เป็นเครื่องมือสำหรับตัดภาพออกเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ตามการลากเมาส์ ภาพจะถูกตัดออกเป็นส่วนเล็ก ๆ โดยอัตโนมัติ
Slice Select tool สำหรับเลือกส่วนของภาพที่ได้ตัดออกมาแล้วด้วย Slice Tool เพื่อทำการปรับแต่งต่างๆ

Spot Healing Brush tool เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ลบริ้วลอย โดยมีลักษณะการทำงานเหมือนหัวแปรงระบายสี โดยเครื่องมือนี้จะนำเอาสีในบริเวณรอบๆ มาซ่อมแซมส่วนที่กำลังระบาย
Healing Brush tool สำหรับคัดลอก หรือก๊อบปี้พื้นที่ที่เราต้องการ มายังตำแหน่งที่เราต้องการที่เป็นจุดตำหนิ โดยยังคงรักษาคุณสมบัติของแสง เงา ไว้ได้ เราจึงนิยมนำมาประยุกต์ใช้ในเรื่องของการลบจุด ริ้วรอย หรือตำหนิต่าง ๆ
Patch tool การทำงานคล้ายกับ Healing Brush ต่างกันที่จะเป็นการนำพื้นที่ที่ เราเลือกด้วยเครื่องมือสำหรับทำการเลือก (Selection) ต่างๆ อย่าง Lasso Tool มาปะลงยังจุดที่มีตำหนิ ซึ่งมีความแนบเนียน และกลมกลืนไม่แพ้กัน Patch tool
Red Eye tool เป็นเครื่องมือสำหรับลบจุดตาแดง จากภาพที่ถ่ายด้วยกล้องต่าง ๆ

Clone Stamp tool สำหรับคัดลอกพื้นที่ที่ต้องการเพิ่มเติม ด้วยการกดคีย์ Alt (Windows)แล้วคลิ้กที่ตำแหน่งที่ต้องการคัดลอกในภาพ เพื่อเป็นการกำหนดเป้าหมายก่อน จากนั้นจึงคลิ้กเมาส์แล้วระบายไปที่พื้นที่ใหม่ที่ต้องการนำภาพที่คัดลอก ไปวางไว้
Pattern Stamp too สำหรับคัดลอกพื้นที่ที่ต้องการเพิ่มเติม เช่นเดียวกันกับ Clone Stamp แต่การกำหนดเป้าหมายของพื้นที่ภาพที่คัดลอกจะต่างกัน โดยเราต้องทำการเลือกพื้นที่ที่ต้องการก่อน แล้วจึงเลือกเมนูคำสั่ง Edit > Define Pattern เพื่อกำหนดให้เป็นลวดลายที่ต้องการ จากนั้น จึงจะสามารถใช้เครื่องมือนี้ระบายเพื่อคัดลอกลวดลายที่เลือกไว้ได้ โดยการระบายจะเรียงต่อๆ กันไป
เป็นไงกันบ้างค่ะ ลองทำดูกันไปเรื่อย ๆ ก่อนน่ะค่ะ สำหรับเครื่องมือที่เหลือ จะมาให้รายละเอียดเพิ่มเติมกันในวันหลัง ใครอยากเก่ง อยากเจ๋ง ต้องหัดทำเองบ่อย ๆ ค่ะ

10 อันดับแบรนด์และธุรกิจของประเทศไทย ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก

          ทางเว็บไซต์ ZocialRank.com เป็นเว็บไซต์จัดอันดับการใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิรก์ของประเทศไทย ประกาศผล 10 อันดับสูงสุดของแบรนด์และธุรกิจของประเทศไทย ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก โดยอันดับ 1. ได้แก่ค่ายหนัง GTH 2. ค่ายหนังเครือเมเจอร์ซินิเพล็กซ์ 3. ค่ายหนัง เอสเอฟซินิม่า 4. กลุ่มบริษัท โออิชิ และ 5. เครื่องดื่มเป็ปซี่ เห็นได้ชัดว่าจากผลของอันดับ กลุ่มธุรกิจค่ายหนัง ถือเป็นกลุ่มที่มีการใช้กลยุทธ์และการตลาดผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กมากที่สุด โดยทั้ง 1-3 อันดับล้วนเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับภาพยนต์ทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่าในปี 2011 ที่ผ่าน เป็นปีที่เริ่มมีหลายธุรกิจและแบรนด์ของไทย เข้ามาใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์กอย่าง Facebook หรือ Twitter เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงคนไทยมากขึ้น โดยในปี 2011 ประเทศไทยมีคนใช้ Facebook สูงถึง 13 ล้านคน หรือคิดเป็น 20% ของประชากรไทยทั้งประเทศ มากเป็นอันดับ 16 ของโลกนี้ ซึ่งแนวโน้มการใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิรก์ในปี 2012 จะมีการเปลี่ยนแปลงไป เพราะเริ่มมีบริการโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กใหม่ ๆ เกิดขึ้น อีกทั้งการบริการเหล่านี้เริ่มขยายเข้าไปยังบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งการเปิดให้บริการ 3G อย่างเต็มที่ในประเทศไทย จะเป็นตัวกระตุ้นให้คนไทยหันมาใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์กมากขึ้นอย่างมากในปีหน้า

วิธีการวัดผลของการจัดอันดับ
           เนื่องจากโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กที่คนไทยนิยมมากที่สุดในปี 2011 ได้แก่ Facebook และ Twitter เราจึงได้ทำการวัดผลด้วยวิธีการ นำตัวเลขของจำนวนคน “ชอบ (Likes)” และจำนวน “คนตาม (Follower)” ของธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ ของประเทศไทย ที่จัดอันดับอยู่ในเว็บไซต์ www.ZocialRank.com มารวมกัน โดยเก็บข้อมูล ณ.เดือน ธันวาคม 2011 เพราะตัวเลขทั้งสองตัวถือเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึง จำนวนคนที่สนใจและติดตาม แบรนด์และธุรกิจผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก และยังสะท้อนถึงการ ใช้กลยุทธ์และกิจกรรมทางการตลาดผ่านทางช่องทางนี้อีกด้วย
** หมายเหตุ : การจัดอันดับครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้น จากทีมงานของ ZocialRank.com เป็นการวัดผลตามแนวความคิดของทีมงาน โดยหลักการในการจัดอันดับ ได้มาจากข้อมูลที่เก็บได้จริง จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ในโซเชี่ยลเน็ตเวิรก์ เพื่อต้องการให้เกิดการกระตุ้นและการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจและประเทศ

ที่มาจาก: http://www.pawoot.com/article/

ขายของออนไลน์เสียภาษีหรือไม่


          สำหรับผู้ที่ต้องการจะเปิดร้านค้าออนไลน์ หรือจะทำธุรกิจผ่านอีคอมเมิร์ซ ต้องเสียภาษีเช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ๆ แต่ตอนนี้ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอีคอมเมิร์ซ ดังนั้นผู้ประกอบธุรกิจผ่านอีคอมเมิร์ซจะต้องเสียภาษีภายใต้ประมวลกฎหมายรัษฎากรเหมือนธุรกิจอื่น ๆ เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น ดังนั้น เมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อเข้ามาร้านค้าต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล และเมื่อส่งสินค้าออกไปให้ลูกค้า ลูกค้าที่สั่งซื้อต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
          การคำนวณภาษีเงินได้นั้นคำนวณได้ทั่วไป แต่ในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น จะต้องมีการพิจาณา เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะจะเกิดขึ้นเมื่อมีการจ่ายเงินซื้อสินค้า หากเป็นกรณีขายผ่านออนไลน์นั้น จะมีข้อสงสัยว่าเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย ยังไง หรือ ต้องนำส่งภาษีมูลค้าเพิ่มให้กรมสรรพากรหรือไม่ อย่างไร?
          สำหรับตอนนี้ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเอกสารและการปฎิบัติตามขั้นตอนการเสียภาษีให้ครบถ้วน คาดว่าต่อไปจะเข้าสู่ระบบการจัดเก็บภาษีธุรกิจอีคอมเมิร์ซเร็ว ๆ นี้แน่นอน
          ถ้ามีอะไรคืบหน้า Khonoffice จะมานำเสนอให้อีกน่ะค่ะ