อยากยกเลิก Timeline ทำยังไง เรามีคำตอบให้ค่ะ


มีหลายคนที่ลองใช้ Timeline facebook แล้วไม่ชอบอยากจะเปลี่ยนกลับไปเป็นแบบเดิมสามารถทำได้ค่ะ แค่ Dowmload โปรแกรม Timeline Remove เลือก Browser ที่ใช้เสร็จแล้วจะขึ้นให้ลงอัตโนมัติแล้ว refresh หน้า facebook ก็จะกลับไปเป็นแบบเดิมค่ะ

Remove timeline

การทำการตลาดแบ่งเป็นกี่ประเภท

การทำโฆษณาในยุคปัจจุบันมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการขยายฐานการขายสินค้าให้กว้างขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งการโฆษณาเป็น 2 แนวทางดังนี้ค่ะ คือ
1. การทำการตลาดแบบ Offline Marketing คือ การสื่อสารการตลาดที่ไม่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต
2. การทำการตลาดแบบ Online Marketing คือ การตลาดที่ทำกันบนโลกไซเบอร์หรือระบบอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย การโฆษณา หรือการวางแผนการตลาดผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันนั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากเลยทีเดียว
เราลองมานั่งแบ่งกันดูซิว่า การทำการตลาดแบบ Offline Marketing และ Online Marketing
Offline Marketing มีอะไรบ้าง
1. TV&Cabel
2. หนังสือพิมพ์
3. นิตยสาร
4. แจกใบปลิว
5. วิทยุ
6. โฆษณาจอ LED
7. รถเมล์
8. รถไฟฟ้า
Online Marketing มีอะไรบ้าง
1. Facebook
2. Post webboard
3. Banner
4. Youtube
5. Blog
6. E-mail list
7. Twitter
8. Google Adword
ผิด ถูกประการใด ก็สามารถ ติ-ชม กันได้น่ะค่ะ ยังไงก็เก็บไว้เป็นไอเดียสำหรับผู้ที่กำลังจะทำโฆษณาเว็บไซต์ขายสินค้าของตนเองน่ะค่ะ

10 อันดับ สินค้าขายดีบนโลกอินเทอร์เน็ต

10 อันดับ สินค้าขายดีบนโลกอินเทอร์เน็ต

ถึงเวลานี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักอินเทอร์เน็ต^&^ การเล่นอินเทอร์เน็ตมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และทราบกันหรือไม่ว่า อินเทอร์เน็ตก็สามารถหารายได้ให้เราได้อีกทางเช่นกัน

อินเทอร์เน็ตเป็นสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด ไม่ว่าเราต้องการจะทำอะไรสามารถสืบค้น ค้นหาได้จากที่นี้....ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่า ว่าอินเทอร์เน็ตสามารถสร้างรายได้ให้เราได้อย่างไรกันน้าาา.....

ขณะนี้ ตอนนี้ วินาที การขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ตเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง ไม่ว่าเราอยากจะขายสินค้าอะไรก็ตามนำมาประกาศขายทางอินเทอร์เน็ตได้ มีทั้งเว็บบอร์ดที่ให้ประกาศขายกันฟรี ๆ หรือเปิดร้านเสียเงินก็แล้วแต่ถนัดกันเลยค่ะ

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เรามาดูกันดีกว่า ว่า 10 อันดับขายดีบนโลกอินเทอร์เน็ตมีอะไรบ้าง

1.เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
2.สินค้า IT
3. ความงามและสุขภาพ
4. เครื่องประดับ
5. ซีดี ดีวีดี วีดีโอ เทป
6. เฟอร์นิเจอร์
7.เครื่องใช้ไฟฟ้า
8.กล้องถ่ายภาพ
9.คูปอง โปรโมชั่น
10.อื่น ๆ

เป็นอย่างไรกันบ้าง พอที่จะเป็นแนวทางในการสร้างรายได้ทางอินเทอร์เน็ตได้บ้างหรือเปล่า ^&^
ข้อมูลจาก : http://truehits.net

วิธีถนอมดวงตา เวลาใช้คอมพิวเตอร์นานๆ มาฝากค่ะ

วิธีถนอมดวงตาเวลาใช้คอมพิวเตอร์นานๆมาฝากค่ะ

เราเป็นคนออฟฟิศ หลีกเลี่ยงการใช้สายตา จ้องคอมพิวเตอร์นานๆไม่ได้ 50% มีอาการปวดตา ตามัว ตาแห้ง สายตาล้า ปวดหัว หรือมีอาการปวดปวดเหมื่อยคอและหลังเพราะว่าเราใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็น เวลานานเกิน 2 ชั่วโมง ชนิดของจอคอมพิวเตอร์ แสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ ความสว่างของห้อง และท่านั่งก็เป็นสาเหตุหนึ่ง


วันนี้มีวิธีถนอมดวงตา มาฝากเพื่อนๆค่ะ

1. กะพริบตาให้ถี่ขึ้น อาการ ตาแห้ง เกิดจากการที่เรากะพริบตาน้อยลง เนื่องจากมีสมาธิขณะทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อัตราการกะพริบตาจะลดลงจาก 20 - 22 ครั้งต่อนาที เหลือเพียง 6 - 8 ครั้งต่อนาที ถ้าไม่อยากตาแห้ง ควรจะกะพริบตาให้ถี่ขึ้น หรืออาจใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

2. จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม ให้ บริเวณหน้าต่างอยู่ทางด้านข้างของจอคอมพิวเตอร์ เพื่อลดแสงตกสะท้อนบนหน้าจอ ควรจัดให้มีระยะห่างระหว่างจอภาพกับตัวเราประมาณ 50 - 70 ซ.ม. จัดระดับจอภาพจากจุดศูนย์กลางของจอคอมพิวเตอร์ ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4 - 9 นิ้ว ไม่ควรให้จอภาพอยู่สูงหรือต่ำเกินไป

3. ปรับความสว่างของห้อง ควร ปิดไฟบางดวงที่ทำการรบกวนการทำงาน เพราะปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความสว่างที่มากเกินไป ถ้ามีแสงจ้าจากหน้าต่าง ควรใช้มูลี่เพื่อปรับแสงให้ผ่านได้เพียงบางส่วน และไม่เข้าตาโดยตรง หลีกเลี่ยงการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีผิวสะท้อน เช่น โต๊ะสีขาว ควรใช้วัสดุที่มีผิวด้าน ที่สะท้อนแสงไม่มากจะดีกว่า

4. เลือกใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่ เวลา พิมพ์งาน ควรเลือกใช้ขนาดของตัวอักษรที่ใหญ่พอ และปรับความเข้มของตัวอักษรให้มากขึ้น ซึ่งขนาดตัวอักษรและความเข้มที่เหมาะสมจะสังเกตได้จากการที่เราอ่านตัวอักษร ได้ในระยะห่างเป็น 3 เท่าของระยะที่นั่งทำงาน หรือเลือกใช้จอคอมพวิเตอร์ชนิด LCD (จอแบน) ซึ่งจะช่วยถนอนสายตาได้ดีกว่าจอแบบเก่า (CRT)

5. เลือกใช้แว่นที่เหมาะสมกับการใช้คอมพิวเตอร์ ควร เลือกใช้เลนส์สีเขียวอ่อน ที่ช่วยให้สบายตาภายใต้แสงจากหลอดไฟฟ้าฟลูออเรสเซนต์ และเพื่อลดแสงสะท้อนจากจอภาพ โดยเลือกแว่นตาที่มีกำลังขยายสำหรับระยะ 50 - 70 ซ.ม. (ระยะกลาง) ซึ่งค่ากำลังของเลนส์ดังกล่าวจะแตกต่างจากเลนส์อ่านหนังสือ หรือเลนส์มองใกล้ทั่วไป

6. พักสายตา ทุกๆ ชั่วโมง ควรเปลี่ยนอิริยาบถ หรือลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายบ้าง เพื่อพักสายตาและป้องกันอาการปวดเมื่อยจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็น เวลานาน

จาก..เอกสารเผยแพร่ ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน - กิมเบล (โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน)

วิธีถ่ายรูปสินค้าสำหรับขายบนเว็บไซต์

เทคนิคถ่ายภาพสินค้าให้ดูดีอย่างมืออาชีพ ด้วยวิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณได้กำไรจากการขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น


อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

1. กระดาษ 100 ปอนด์สีขาว หรือสีดำ

2. เทปกาว กรรไกร

3. กล้อง พร้อมขาตั้งกล้อง (ขาตั้งถูก ๆ ราคา 200 – 300 บาทก็ใช้ได้แล้ว)

ถ่ายอย่างไรให้ดูดี

1. จัดฉากโดยใช้กระดาษ และเทปกาวที่เราเตรียมมา เอาสินค้าวางบนกระดาษ ดังรูป

2. ควรถ่ายในร่ม ใช้แสงธรรมชาติ ไม่ต้องใช้แฟลช ไม่ต้องจัดไฟ แค่ตั้งโต๊ะชิดหน้าต่าง ให้แสงเข้าด้านข้าง หรือ 45 องศา

3. ถ่ายภาพในมุม 45 องศา ภาพจะดูมีมิติ ไม่ควรถ่ายตรง ๆ จากด้านข้างหรือด้านตรง ภาพจะออกมาแบน ๆ ไม่สวย

4. ควรถ่ายหลาย ๆ ช็อตให้เห็นสินค้าครบทุกด้าน ทั้งหน้า หลัง บน ล่าง ซ้ายขวา ทำให้ลูกค้าจะตัดสินใจได้ง่าย

5. ควรใช้ขาตั้งกล้อง และควรตั้งเวลาถ่าย เพื่อให้ภาพคมชัด ไม่สั่นตามแรงกดชัตเตอร์

นอกจากเทคนิคข้างต้นแล้ว สินค้าบางอย่างอาจมีเทคนิคที่เพิ่มเติมเข้ามา ดังนี้

เทคนิคถ่ายภาพสินค้าที่เป็นเงา มันวาว
•ควรเลือกพื้นหลังเป็นสีดำ หรือกระจก จะทำให้สินค้าเด่นขึ้น
•ควรจัดมุมมองให้ดี เพื่อไม่ให้เห็นเงาสะท้อน

เทคนิคถ่ายภาพเสื้อผ้า
•ควรถ่ายกับหุ่น หรือให้คนเป็นแบบสวมใส่จริง จะได้เห็นว่าพอใส่ออกมาแล้วทรงเป็นอย่างไร
•แบบต้องเหมาะสมกับชุด ทั้งเรื่องอายุ หุ่น ไซส์ และสีผิว
•ควรถ่ายให้เห็นทั้งตัว หากเน้นขายเฉพาะเสื้อ จะถ่ายตั้งแต่หัวลงมาถึงน่องก็ได้
•ถ่ายเสื้อผ้า ให้เห็นทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
•ไม่จำเป็นต้องให้แบบโพสต์ท่าเหมือนในแมกกาซีนก็ได้ แค่ให้เห็นว่าใส่ออกมาแล้วเป็นอย่างไรก็พอ

เทคนิคถ่ายภาพอาหาร •ควรใช้จานเซรามิกสีขาว ไม่มีลวดลาย
•ขนาดจานเหมาะกับขนาดอาหาร
•ควรปรุงอาหารให้มีสีสดกว่าปกติ
•หากถ่ายอาหารหลายจาน ให้ทยอยทำมาถ่ายทีละจาน ไม่ควรทำทิ้งไว้ อาหารจะสีหมอง ผักจะเหี่ยว ไม่น่ากิน
•สามารถนำอุปกรณ์อื่น ๆ มาประดับโต๊ะอาหารได้ เช่น แก้วน้ำ กระปุกพริกไทยสวย ๆ แต่ต้องระวังอย่าเด่นกว่าอาหารของเราเป็นอันขา

ภาพจาก pantip.com และ dahong.co.kr
ที่มาจาก http://blog.th.88db.com/?p=2345

ไม่กินข้าวเช้า ไม่ขับถ่ายตอนเช้า จะเกิดอะไรขึ้น?


ชาวออฟฟิศต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานบางคนก็รีบจนไม่ได้ขับถ่าย,

ไม่ได้กินข้าวเช้า ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดีเลยนะค่ะยังไงก็พยายามทำให้ได้เพื่อสุขภาพกันด้วยนะค่ะ




รู้ไหมค่ะ ช่วงเวลา 05.00-09.00 น.จะเป็นช่วงเวลาที่อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบขับถ่ายจะทำงาน
ไม่ขับถ่ายตอนเช้า จะเกิดอะไรขึ้น?

ในช่วงเวลา 05.00-07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ ถ้ายังไม่ยอมขับถ่ายอุจจาระแล้ว ปล่อยเวลาเลยมาถึง 07.00-09.00 น. ซึ่งเป็นเวลาของกระเพาะอาหาร แล้วไม่ยอมกินข้าวเช้าอีก

อุจจาระจากลำไส้ใหญ่ ที่ไม่ขับถ่ายออกจะถูกบีบตัวขึ้นมาจากลำไส้ใหญ่ผ่านลำไส้เล็กมาที่กระเพาะอาหารก็จะถูกดูดซึมอีกครั้ง สังเกตมั้ยว่า เมื่อเรามีอาการท้องเสีย หรือ ถ่ายท้องในช่วงกลางคืนอาการจะทุเลาขึ้น

เมื่อสายๆวันต่อมา (ในกรณีที่ไม่ได้เป็นอาหารเป็นพิษ) ทั้งนี้ เพราะจะมีขั้นตอนการทำงานของระบบอวัยวะ

ดังกล่าวเข้ามาช่วยให้มีการหยุดถ่ายเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ทีนี้เมื่ออุจจาระเข้ามาที่กระเพาะอาหารอีกครั้ง
ในอุจจาระเก่าที่มีแก๊สที่เสียแล้ว เกิดจากการบูดเน่าโดยอุณหภูมิของร่างกายซึ่งมีความร้อน 37 องศา
ตลอดเวลา ไม่เหมือนตู้เย็นที่เก็บได้นานกว่า เพราะฉะนั้นแก๊สพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด

เลือดจึงไม่สะอาด ถ้าเลือดที่ไม่สะอาดไหลไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ไหลผ่านสมอง หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ผิวหนัง ก็จะได้รับพิษจากแก๊สพิษไปด้วย ก่อนเที่ยงถึงบ่าย ง่วงนอน เพราะเลือดที่ไม่สะอาดไปเลี้ยงหัวใจ
หัวใจก็อ่อนล้า ไม่สดชื่น มีกลิ่นตัว กลิ่นปาก ก็มาจากเลือดที่ไม่สะอาดไปเลี้ยงปอด ปอดก็จะขับออกทางผิวหนัง

และลมหายใจ ตัวเองไม่ค่อยได้กลิ่น แต่คนอื่นได้กลิ่น ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ขับถ่ายในช่วงเวลา 05.00-07.00 น.

นานๆเข้าเป็นเวลาหลายๆปี เลือดที่ไม่สะอาดไหลผ่านไปเลี้ยงสมอง และไม่กินอาหารมื้อเช้าช่วงเวลา
07.00-09.00น. สมองก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เมื่อแก่ตัวความจำจะเสื่อมเร็ว ปวดเข่า  เมื่ออายุมากขึ้น เป็นริดสีดวงทวาร

ทำอย่างไรจะทำงานอย่างมีความสุขในออฟฟิศ 20 วิธี

แต่ละวันในออฟฟิศก็ยุ่งพออยู่แล้ว อย่าทำให้ชีวิตเรายุ่งยากไปด้วยอีกเลย นี่คือวิธีดูแลตัวเองง่ายๆ ที่ทำให้เป็นคนลัลล้าได้ ตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ ไม่เจ็บไม่ไข้ และใจเป็นสุข

1. เช็ดโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
อาการ สิวขึ้นเป็นแถบที่ข้างแก้ม นั้นคือสิวที่เกิดจากโทรศัพท์ที่เราพูดลงไปทุกวัน ทั้งฝุ่น ทั้งน้ำลาย แต่ไม่ต้องห่วง สำลีชุบแอลกอฮอล์ช่วยคุณได้

2. ช้อนส้อม 1 ถ้วยกาแฟ 1 ฟองน้ำล้างจาน 1 ต้องมี!
ไม่ ใช่ว่ารังเกียจ ไม่ได้ทำตัวเป็นคุณหนู แต่มีไว้ใช้เป็นของส่วนตัวสบายใจ สบายตัวที่สุด เพราะคุณจะรู้หรือว่า ใครไม่สบายเป็นอะไรกันบ้าง แล้วคุณรู้มั้ยว่าฟองน้ำล้างจาน ตรงมุมกาแฟนั้น แม่บ้านเปลี่ยนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

3. อย่าเด็ดขาด! อย่าใส่ชุดสีดำทึม เทาในวันที่ซึมเศร้า
เบื่อหน่าย ไปทำงาน เพราะจะทำให้คุณรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม

4. ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้ว
เชื่อหรือไม่? ว่าอากาศในออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำนั้น  แห้งได้พอๆ กับทุ่งนากลางแจ้งผิวคุณก็จะขาดความชุ่มชื่นไปได้อย่างไม่รู้ตัว

5. ยิ้มทุกครั้งเวลาที่รับโทรศัพท์
จะช่วยให้เสียงสวยจนปลายสายอยากเห็นหน้า

6. ตั้งกระจกไว้ที่โต๊ะทำงาน
ช่วยแก้ฮวงจุ้ยได้บ้าง แต่งงานหลักเอาไว้ให้เราได้ฝึกยิ้มอยู่เสมอ ยิ้มบ่อยๆ จะเครียดน้อยลง ใจจะสบายขึ้น

7. โหลดวอลล์เปเปอร์เป็นรูปขำๆ
หรือวิวสวยๆ ไว้ที่หน้าจอ พักสายตาได้ดี

8. วางแฮนด์ครีมกลิ่นหอมๆ ถูกใจที่สุด ไว้ไกล้ๆ มือ
หาบ่อยๆ กลิ่นหอมจะช่วยผ่อนคลายได้ แถมมือยังนุ่มตามมา

9. เลือกเพลงแจ๊สเบาๆ
หรือ เป็นเพลงแบบมิวสิค บ็อกซ์ ใสๆ ฟังได้สบายๆ หรือจะเป็นเพลงคลาสสิกก็ดี คลื่นสมองเราจะทำงานได้สงบดีขึ้น แล้วจะเลือกแผ่นไหนดี ให้เลือกเพลงที่ฟังได้เพลินๆ ทำงานไปได้เรื่อย โดยที่ไม่รู้สึกว่าเสียสมาธินั่นละ

10. One free Day แค่ อาทิตย์ละวัน... วันไหนที่ไม่ต้องมีนัดกับใคร ไม่ต้องไปประชุมกับลูกค้า ยกเว้นนั้นให้ตัวเองได้ แต่งตัวสบายๆ หยุดพยายามสวยกันสักหนึ่งวัน

11. ขยับตัว ยืดหลัง 2 ครั้ง ต่อวัน... เป็นอย่างน้อย
ท่าที่ 1
* นั่งหลังชิดติดพนักเก้าอี้ เข่าชิดติดกัน ขาตึง หน้ามองตรงไปข้างหน้า
* ค่อยๆ ยืดแขนทั้งสองข้างขึ้น เหนือศรีษะ โดยให้มือประสานกัน แล้วยืดแขนและยืดตัวขึ้น  จะรู้สึกแขนและหลังตึง
* ค่อย ๆ ลดระดับแขนลงมาตรงหน้า ใต้ท้องแขน ไหล่ และหลังช่วงบนจะตึง
ท่าที่ 2
* นั่งหลังชิดติดพนักเก้าอี้ที่ทำงาน ตัวตรง
* ค่อยๆ ก้มตัวลง โดยปล่อยแขนและขาทั้งสองข้างลงไปจับที่ตาตุ่มได้ หรือก้มให้ได้มากที่สุด จะรู้สึกว่าแผ่นหลังตึง
* ค่อย ๆ ดึงตัวขึ้นมา กลับมาที่เดิม อย่าลืมค่อยๆ ขึ้นมา ไม่อย่างนั้นอาจจะหน้ามืดได้

12.วางคริสตัลหรือแท่งแก้ว หินสีไว้ที่โต๊ะทำงาน
ศาสตร์ทางฮวงจุ้ยบอกว่าจะช่วยดูดพลังร้ายๆ ไป ศาสตร์เรื่องหินจะบอกว่า จะช่วยดูดซับพลังความร้อนจากคอมพิวเตอร์ได้

13. มีรองเท้าแตะไว้ที่ใต้โต๊ะ
ไว้เปลี่ยนตอนเมื่อยๆ จากรองเท้าส้นสูง

14. ซ่อนเก้าอี้ซักผ้าตัวเล็กๆ ไว้ใต้โต๊ะ
ไว้พักขา ยืดขาตอนเมื่อยๆ

15. เคลียร์โต๊ะทุกอาทิตย์ เคลียร์เอกสาร ทุก 2 อาทิตย์
เรา มักจะใช้เวลา 1 ใน 3 ของวันในการหาของ หรือเอกสารที่ต้องการใช้ ถ้าเรามีโต๊ะที่ยุ่งเหยิง หาอะไรไม่เคยเจอ ยิ่งหายิ่งเครียด หงุดหงิด ทำงานไม่ได้ดี หมอดูเห็นก็จะทำนายว่าชีวิตการงานจะยุ่งเหยิง ...(แม่นแน่ๆ)

16. ปัดฝุ่นบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ก็ผลิตฝุ่นได้ และมากอย่างที่เรานึกไม่ถึงด้วย วันละนิด วันละนิด

17. ลบเมล์ Delete ไฟล์ที่ไม่ใช้ใน Inbox ออกจากคอมพิวเตอร์บ้าง การทำงานจะง่ายขึ้น หาอะไรก็เจอ ความเครียดก็จะลดลง คล่องตัวขึ้น คอมพิวเตอร์ ก็เร็วขึ้นด้วย

18. Emergency Kit
เพื่อความไม่ประมาท ควรมี 4 สิ่งนี้ติดลิ้นชักไว้เสมอ
* ผ้าอนามัย แค่สักชิ้นก็พอ เผื่อฉุกเฉิน
* แปรงสีฟัน+ยาสีฟัน+ควรใช้หลังอาหารเที่ยง หรือก่อนไปพบลูกค้า
* โรลออน หรือสเปรย์ระงับกลิ่นกายแบบแห้งเร็ว สำหรับวันไหนที่ร้อน และเหงื่อออกมากกว่าปกติ
* สเปรย์ระงับกลิ่นเท้า ปกติอาจจะไม่มี แต่ถ้าวันนั้นเดินมาก และเจอรองเท้าคู่อับ ก็มีสิทธิ์ได้ออกมาใช้เหมือนกัน

19. ใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีหรือเฮดเซ็ท สำหรับคนที่ต้องคุยโทรศัพท์ทั้งวัน
เพราะถ้าคุณเอียงคอ หนีบโทรศัพท์เรื่อยๆ มีโอกาสหมอนรองกระดูกอาจจะเสื่อม

20. รักงาน รักเพื่อน ร่วมงาน ทัศนคติที่ดีกับการทำงานจะช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้น เหนื่อยน้อยกว่าที่ควรจะเป็นปัญหาทุกอย่างจะมีทางออกอยู่เสมอง เมื่อรู้สึกดีๆ กับงานที่ทำ กับคนที่ทำงานด้วยกัน  ชีวิตจะเป็นสุข

from... CLEO