เครื่องทารองพื้นนำเข้าจากเกาหลี เกลี่ยได้เรียบเนียนง่ายและรวดเร็ว

1.Natural V Auto-make up(ส่งฟรี) 



Natura V พัฟอัจฉริยะที่สามารถสั่นได้ 12,000 ต่อนาทีทำให้สามารถแต่งหน้าแบบเทคนิคเดียวกันกับช่างแต่งหน้าชั้นนำ
ไม่ต้องใช้มืออีกต่อไป สามารถแต่งหน้าได้อย่างรวดเร็ว เรียบเนียนและติดทนนานทั้งวันเครื่องทาพื้นกระจายตัวสู่ผิวได้อย่างดีเยี่ยมทั้งการปกปิด ไม่รู้สึกหนักหน้า และสามารถแต่งหน้าสไตล์เดวี่ลุค




สามารถเปลี่ยนพับได้ถึง 5 แบบ
1.Rubycell puff พัฟสำหรับทารองพื้นสามารถใช้ได้กับโลชั่น BB ครีมกันแดด ติดทนนานทั้งวันได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ
2.Foundation puff พัฟสำหรับแป้งพัฟ
3.Powder puff พัฟสำหรับแป้งฝุ่น
4.Silicon Cleansing puff พัฟสำหรับทำความสะอาดใบหน้า
5.Silicon Massage puff พัฟสำหรับทาครีมบำรุงสามารถใช้นวดหน้าได้อีกด้วยช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ครีมบำรุงลงลึกเข้าสู่ผิว
 
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมไดีที่ http://www.sawasdeekorea.com/

หยุดใช้ IE กันสักพัก

     รายงานข่าวล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์เร่งให้ผู้ใช้พีซี"หยุด"ใช้บราวเซอร์ Internet Explorer ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ท่องเว็บเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีการตรวจพบช่องโหว่ใหม่ในซอฟต์แวร์ที่มีความอ่อนไหวต่อการโจมตีโดยแฮคเกอร์

     "ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ช่องโหว่นี้ในการทำสิ่งเลวร้ายบนคอมพิวเตอร์ของคุณได้ โดยพวกเขาสามารถเข้าถึงทุกไฟล์ทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้!!!" ท้อด บีดส์ลีย์ ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของ Rapid7 บริษัทระบบรักษาความปลอดภัย กล่าว ทางด้านไมโครซอฟท์เองได้แสดงความคิดเห็นต่อคำเตือนดังกล่าวว่า "เรากำลังตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และจะรีบแนะนำสำหรับขั้นตอนที่จำเป็น เพื่อช่วยปกป้องลูกค้า" ในระหว่างนี ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Internet Explorer "มีบราวเซอร์ตัวอื่นที่ผู้ใช้สามารถใช้งานไปก่อนชั่วคราวจนกว่าปัญหานี้จะได้รับการแก้ไข หรือมีวิธีป้องกันเบื้องต้นเพื่อให้มั่นใจพอว่าปลอดภัย" พอล เฟอร์กูสัน นักวิจัยอาวุโสทางด้านภัยคุกคามบนคอมพิวเตอร์จาก เทรนด์ ไมโคร อิงค์ กล่าว สำหรับช่องโหว่ใหม่นี้จะพบได้ในบราวเซอร์ IE เวอร์ชัน 7,8  และ 9 ที่รันบน Windows XP, Vista และ 7

     "ทำไมต้องเสี่ยง? ในเมื่อหลีกเลี่ยงง่ายกว่า" เจฟฟ์ บาร์ดิน จาก เทรดสโตนเซเว่น บริษัทให้คำปรึกษาทางด้านระบบรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์กล่าว ผู้เชี่ยวชาญค้นพบข้อผิดพลาดในการทำงาน หรือช่องโหว่ใหม่นี้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน เขาสงสัยว่า ช่องโหว่ดังกล่าวกำลังถูกใช้โดยแฮคเกอร์แล้วด้วย โดยแฮคเกอร์สามารถค้นหาวิธีที่จะติดเข้าไปในคอมพิวเตอร์ได้ด้วยการใช้ช่องโหว่ใหม่ของ IE ที่ยังไม่มีการเปิดเผย ซึ่งแฮคเกอร์สามารถวางโค้ดอันตรายเข้าไปบนเว็บไซต์ และเมื่อนักท่องเว็บเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์เหล่านี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะติดไวัสทันที ปัจจุบัน IE เป็นบราวเซอร์ทีมีผู้ใช้มากเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาด 33% ข้อมูลจาก StatCounter โดยเป็นรอง Chrome ที่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 34% ประเด็นคือ ธุรกิจหลายๆ แห่งใช้ IE ในการรันเว็บแอพฯ ซึ่งไม่สามารถใช้รันบน Chrome หรือบราวเซอร์ตัวอื่นๆ ได้ นั่นอาจหมายความว่า มันถึงเวลาแล้ว ที่ธุรกิจเหล่านี้ต้องพัฒนาเว็บแอพฯ ให้เข้ากันได้กับ Chrome บ้าง

ที่มา: www.arip.co.th

Submit Link คืออะไร?

          การ Submit คืออะไร ตอบแบบฟันธง กำปั้นทุบดินการ Submit คือการทำ Off-page ด้วยการสร้าง Backlink ตอบ แบบวิชาการที่ไม่เข้ากะหน้าตาเลยว่า การ Submit เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการเพิ่ม Backlinks ให้แก่เว็บไซต์ของเรา คือการ Submit เว็บไซต์ของเราเข้า Web Directories นั่นเอง ปกติแล้ว Web Directories จะมีส่วนรองรับการ submit โดยตรงอยู่แล้ว แต่บาง web directories เป็นแบบที่เราต้องเสียเงิน (Paid Directories) บาง web directories เป็นแบบให้แลกลิ้งค์ (Reciprocal Directories) อย่างไรก็ตาม ยังมี web directories ไม่น้อยที่ให้เราสามารถ submit เว็บไซต์ของเราเข้าไปฟรี ๆ ซึ่ง Free Directories นี่แหละครับที่ SiamSubmit แนะนำ เพราะเราจะได้ One-Way Link เข้ามาหาเว็บคุณ ใน keywords หรือ keyphrases ที่คุณต้องการ ในจำนวนที่มาก และประหยัดที่สุด อีกทั้งการมีลิ้งค์เข้ามาหาเว็บคุณจะมาจากหลายโดเมน หลายประเทศ ซึ่งกระจายหลาย Class C IP ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า การมีลิ้งค์มาจากหลาย Class C IP จะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้เว็บของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย โดยที่เราไม่ต้องทำ Link กลับไปให้เขาเลยแต่ณ. ขณะนี้การSubmit ไม่ใช่ การ Submit Web Directories อย่างเดียวอีกต่อไปแล้วนะครับ ยังมีการ Submit อีกหลากหลายแบบ ซึี่งผมจะสรุป ความหมายและ ประโยชน์ของการซัพมิตแต่ละแบบให้ในกระทู้นี้นะครับ
 

          Submit Directory เว็บไดเร็คทอรี่เปรียบได้กับสมุดหน้าเหลือง หรือสมุดโทรศัพท์ จะเป็นเว็บที่เก็บรายชื่อเว็บต่าง ๆ ไว้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งสมัยก่อนนั้น Search Engine ยังไม่รุ่งเรืองเหมือนสมัยนี้เวลาเราอยากจะใช้งานเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูลเรา ต้องไปที่เว็บไดเร็คทอรี่ต่าง ๆ เหล่านี้เพื่อสืบค้นข้อมูลตามหมวดหมู่ที่จัดไว้ให้ยกตัวอย่างเช่น
- http://www.dmoz.org/
- http://dir.yahoo.com/

         สำหรับการซัพมิตประเภทนี้เป็นการซัพมิตที่ต้องรอทาง เจ้าของ Web Directory ตรวจสอบ Website เราก่อน และให้เค้า Approve ให้เราครับดังนั้นกว่าจะได้ Backlink กลับจากการ Submit ประเภทนี้นั้นต้องใช้ิเวลาพอสมควรครับ เนื่องจากว่าเมื่อ Admin Web Directory Approve ให้เราแล้วก็ต้องรอให้บอทของSearchEngineมาเก็บข้อมูลอีกก็รอกันไปการ Submit Web Directory มีประโยชน์ที่ลิงค์ที่ได้นั้นค่อนข้างมีคุณภาพ (ยิ่งถ้าเป็นเจ้าดัง ๆ อย่างตัวอย่างด้านบนนั้น เว็บมาสเตอร์ทั่วโลกถวิลหาเชียวล่ะ) ลิงค์ที่ได้จะอยู่ทนอยู่นาน ไม่ห่างหายจากเว็บเราง่ายๆ


          2. Submit Social Bookmark การซัพมิตแบบนี้เป็นการประยุกต์ใช้ของบรรดา เหล่า Webmaster เองครับ โดยปกติเว็บ Social Bookmark นั้นไม่ได้ไว้ใช้สำหรับสร้าง Backlink โดยปกติหน้าที่ของมันคือ เว็บไซต์ที่เปิดให้ user ทั่วไปที่เป็นนักท่องเว็บไซต์ เข้าใช้งานและเก็บหน้าที่ชอบไว้เหมือนกับ การใช้งาน Favorites ของ IE และ Bookmark ของ Filefox เมื่อเวลาที่ User เหล่านั้นไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่ของตัวเอง แล้วต้องการเข้าใช้งาน เว็บที่ bookmark ไว้ก็จะเรียกเอาจากเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Bookmark
แต่เมื่อเว็บ มาสเตอร์หัวใสได้ลองใช้งาน และเห็นว่าเว็บไซต์ประเภทนี้ส่งลิงค์แบบ Dofollow ให้ จึงเกิดการซัพมิตเพื่อเอา backlink Dofollow ขึ้น เว็บไซต์ประเภทนี้ยกตัวอย่างได้แก่

 http://digg.com
  http://delicious.com
  http://dekdigg.com

         (สำหรับเว็บไซต์ประเภทนี้เขียนด้วยสคริปต์ Pligg ดังนั้นควรเรียกเว็บ pligg มากกว่า แต่ไม่รู้ทำไมคนไทยเรียกเว็บดิ๊ก) เนื่อง จากว่าเว็บไซต์ประเภทนี้จะมีคนมาซัพมิตอยู่ตลอดเวลาส่งผลให้ หน้า Index นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ทำให้ Bot ของ Search Engine ชอบเว็บไซต์ประเภทนี้มากแวะเวียนมาบ่อย ๆ (ผมเคยทำเว็บ Pligg นี่เหมือนกัน บอทมาเยี่ยมเว็บผมทุก 30 วินาที) Backlink ที่ได้จากการ Submit Digg Pligg นี้ จะเป็นประเภท มาเร็ว ดันอันดับเร็ว แรง แต่ Backlink ที่ได้ก็จากไปเร็วเช่นกัน ดังนั้น การซัพมิต และ Backlink ประเภทนี้ผมจึงจัดให้เป็นแบบไม่ยั่งยืนมาไวไปไวเหมาะสำหรับเรียกบอทและทราฟฟิคเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น


ที่มาจาก: http://www.question.in.th/

ทำอย่างไรให้คนมา “ถูกใจ” (Like) เยอะๆ

“ทำอย่างไรให้คนมา “ถูกใจ” (Like) เยอะๆ เพราะการที่มีคนถูกใจแฟนเพจของเรามากๆ จะช่วยให้สิ่งที่เราอยากจะสื่อสารออกทางแฟนเพจไปถึงคนอีกมากมาย วันนี้ผมเลยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

1.การตั้งชื่อแฟนเพจ ควรตั้งชื่่อให้อ่านแว้บแรกแล้วสะกิดความรู้สึกทันที หากคุณตั้งชื่อแฟนเพจแบบเชยๆ หรือแบบธรรมดา จะไม่แรงดึงดูดให้กับผู้ใช้งานสักเท่าไหร่ เช่น คุณอาจจะสร้างเพจเพื่อแนะนำส่วนลดสินค้าหรือบริการต่าง ระหว่างชื่อแฟนเพจ “ลดพิเศษ” กับ “ถูกชิปเป๋ง” คุณว่าอันไหนน่า Like กว่ากันครับ

2. หัวข้อ,เนื้อหาเพจให้เป็นเรื่องที่เข้าถึงง่าย เป็นเรื่องที่คนในสังคมกำลังสนใจอยู่ก็ยิ่งจะทำให้คน “ถูกใจ” เพจเราได้ง่ายๆ ครับ

3. ขยันอัพเดทสถานะของเพจ เพจที่มีความเคลื่อนไหว ย่อมน่าสนใจกว่าเพจที่นิ่งๆ ครับ แต่หลายคนก็มักใช้คำซ้ำๆ น่าเบื่อ กับผู้ใช้งาน เช่น “สวัสดียามเช้าค่ะ” “เที่ยงแล้ว กินข้าวหรือยังค่ะ” “ดึกแล้ว ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ซึ่งหน้าที่ของผู้ดูแลเพจต้องพยายามคิดคำหรือคำทักทายที่น่าสนใจนะครับ ลองหาแนวทางที่เหมาะสมดู

4. การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามา ที่นิยมใช้กันส่วนใหญ่ก็ คลิ้ก  Like ลุ้นรางวัล , โหวตรูปถ่าย , 1 Like = บริจาค x บาท ซึ่งลองดูครับว่า คุณมีงบประมาณส่วนนี้เท่าไหร่ (แต่ที่ผมอยากจะบอกก็คือ การได้ Like แบบนี้ไม่ค่อยยั่งยืนสักเท่าไหร่ครับ เพราะแรงจูงใจของคนกดไม่ได้มาจากความรู้สึกที่แท้จริง)

5. การแลก Like ก็เช่น นาย A สร้างแฟนเพจชื่อ AA นาย B สร้างแฟนเพจชื่อ BB ทั้งสองก็มาแลกกันกด Like คือ นาย A ไปกด Like แฟนเพจ BB ส่วน นาย B ไปกด Like แฟนเพจ AA (อ่านแล้วงงไหมเนี่ย) แต่ Like แบบนี้ก็ไม่ยั่งยืนเหมือนข้อก่อนหน้านี้แหละครับ

6. คิดทุกครั้งก่อนอัพเดทสถานะ โดยผมขอให้คุณคิดว่า “ข้อความที่คุณจะเขียน ต้องมีประโยชน์กับผู้อ่านที่ถูกใจเพจของคุณ” มันจะช่วยให้เพจของคุณมีพลังมากขึ้นเลยครับ

7. หาโอกาสพบปะกันระหว่างผู้ใช้งานในแฟนเพจ เช่น ทำกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกัน พบปะสังสรรค์ เพื่อให้ผู้ใช้งานมีความรู้สึกผูกพันมากยิ่งขึ้น และเขาจะเป็นกระบอกเสียงกระจายเพจของคุณได้เป็นอย่างดีครับ

8. หากมีเวลาก็เปลี่ยนสถานะเพจของเราให้สามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นกับเพจอื่นๆ ได้  โดยเลือกหัวข้อ “ใช้ Facebookในชื่อ(เพจของคุณ)” ซึ่งอยู่ด้านขวามือ ก็จะช่วยให้คนเห็นเพจของเราได้มากขึ้น

9. การใช้สื่อ Offline เช่น ทำป้าย,สติีกเกอร์ หรือสกรีน URL เพจของเราลงบนเสื้อ เช่น FB.com/comthai แค่นี้ก็เพิ่มช่องทางการเห็นเพจของเราได้ไม่ยากครับ

จริงๆ แล้วมีวิธีอีกมากมายที่ช่วยประชาสัมพ้นธ์แฟนเพจของเรานะครับ แต่วันนี้เอาแบบเบาที่เราพอจะทำได้ด้วยตัวเองก่อนนะครับ

ที่มา:http://www.manacomputers.com/

เผยความลับของชิป A6 ใน iPhone 5

ยังคงมีรายงานข่าวเกี่ยวกับ iPhone 5 ให้ได้ติดตามกันอีกวัน หลังจากเปิดตัวไปเมื่อวานนี้ ซึ่งก็มีคำถามตามติดกันมามากมาย ตั้งแต่เรื่องของการไม่มีเทคโนโลยี NFC หรือระบบชาร์จไร้สายไปจนถึงคอนเน็คเตอร์ Lightning ล่าสุดยังมีอีกคำถามหนึ่งที่หลายคนยังสงสัยอยู่นั่นก็คือ โพรเซสเซอร์ A6 ที่อยู่ใน iPhone 5 ของ Apple ความจริงมันมีกี Core ? และแรงแค่ไหน?

นักวิเคราะห์จาก Nomura Equity Research เปิดเผยข้อมูลเกียวกับชิป A6 โพรเซสเซอร์ตัวใหม่ใน iPhone 5 ว่า มันเป็น ชิป ดูอัลคอร์ Cortex-A15 ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อ Apple จากโรงงานของ Samsung โดยใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตที่ 32nm HKMG นั่นหมายความว่า แอปเปิ้ลเป็นเจ้าแรกในหลายบริษัทที่เริ่มใช้สถาปัตยกรรมใหม่อย่าง Cortex-A15 ในการพัฒนาโพรเซสเซอร์ โดยมันจะเป็นโพรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของ ARM Holding plc ทั้งนี้ทาง ซัมซุงได้เคยเปิดเผยในช่วงปลายปี 2011 ว่า ทางบริษัทได้เริ่มผลิตชิปตัวอย่งดูอัลคอร์ ARM Coretex-A15 ทีมีชื่อว่า Exynos 5250 ด้วยกระบวนการผลิตที่ 32-nm HKMG และจะผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนมากในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2012 โดยสำหรับ Exynos 5250 จะมีการรวมความสามารถการทำงานของชิปกราฟิก Mali เพื่อใช้ผลิตแท็บเล็ตไฮเด็นด์ด้วย ซึ่งที่สัญญาณนาฬิกา 2GHz ในการทำงานของชิปตัวนี้ ทางบริษัทอ้างว่า มันจะให้ประสิทธิภาพการทำงานเป็นสองเท่าของชิปในตระกูล Exynos ที่เป็นดูอัลคอร์ Cortex-A9 ความเร็ว 1.5GHz

ในการเปิดตัว iPhone 5 แอปเปิ้ลได้ให้รายละเอียดเกียวกับคุณสมบัติ และความสามารถของโพรเซสเซอร์ และกราฟิกน้อยมาก ทางบริษัทกล่าวแค่ว่า โพรเซสเซอร์ A6 จะให้ประสิทธิภาพการประมวลผล และการแสดงผลทางด้านกราฟิกเป็น 2 เท่าของ A5x ทีใช้ใน iPhone 4S โดยทั่วไปโพรเซสเซอร์บนสมาร์ทโฟนจะทำงานด้วยสัญญาณนาฬิกาได้สูงถึง 1.5 GHz แต่การออกแบบด้วย Cortex-A15 จะช่วยอธิบายได้ว่า แอปเปิ้ลเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานให้กับ iPhone 5 ได้เป็นสองเท่าของ iPhone 4S ได้อย่างไร โดยในส่วนของกราฟิก แอปเปิ้ลยังคงใช้สิทธิบัตรของ Imagination Technologies Group ที่สนับสนุนเทคโนโลยีกราฟิกด้วยชิปดูอัลคอร์ PowerVR SGX543MP2 ดังนั้น A6 ก็น่าจะใช้เวอร์ชัน"ควอดคอร์"กราฟิก PowerVR SGX543MP4 เพื่อทำให้ iPhone 5 สามารถให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมเป็น 2 เท่าของ iPhone 4S
ที่มาจาก: www.arip.co.th

การทำ site map ช่วย SEO

Sitemap คืออะไร?

    Sitemap หรืออีกชื่อที่คุ้นหูว่า "แผนผังเว็บไซต์" หรือ "แผนที่เว็บไซต์" เป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ ที่อธิบายถึงโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ทั้งหมด ซึ่ง Sitemap นี้เองจะเป็นเหมือน "สารบัญ" หรือ "หน้าดัชนี" ของเว็บไซต์ ที่่รวม Link ทั้งหมดของเว็บไซต์ไว้ภายในหน้าเดียว และยังช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อ Search Engine (Google,Bring,Yahoo) อีกด้วย

ข้อดีของการทำ Sitemap

     ในเว็บยุคแรกๆ จะนิยมทำ Sitemap เป็นหน้าเว็บหน้าหนึ่ง เพื่อ รวม link ของทุกๆหน้า ให้ผู้เยี่ยมชมได้ทราบถึง แผนผังการเชื่อมโยงทั้งหมดของเว็บไซต์ ในปัจจุบัน ก็มี Sitemap อีกประเภทหนึ่ง นั่นคือ Sitemap สำหรับ Search Engine โดยเฉพาะ เพื่อให้ Search Engine เข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่าย และเข้ามาเก็บข้อมูลตาม link ที่เราจัดทำไว้ให้ ต่อไปเป็นข้อดีของการทำ Sitemap ที่คุณเองอาจยังไม่ทราบ
 •ทำให้ผู้ชมเว็บไซต์เข้าใจโครงสร้างเว็บ และเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
•Sitemap ทำให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์เข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ และเห็นภาพรวมของ Link ในเว็บไซต์ ทำให้ง่ายต่อการพัฒนา เนื่องจาก Sitemap จะแบ่งส่วนของเว็บไซต์ ไว้อย่างชัดเจน
•ทำให้ Bot ของ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูล (index pages) ได้รวดเร็ว และง่ายขึ้น
•เป็นส่วนหนึ่งของการทำ SEO

รูปแบบของ Sitemap

Sitemapสำหรับผู้ชมเว็บไซต์ จะมีลักษณะดังนี้
http://dvision.in.th/about/sitemap.html
http://www.google.com/sitemap.html

Sitemap สำหรับ Search Engine จะมีลักษณะดังนี้
http://dvision.in.th/sitemap.xml





ที่มาจาก:http://dvision.in.th/

วิธีป้องกัน"มัลแวร์"ไม่ให้มากล้ำกรายสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตของคุณ

จากรายงานข่าวที่ระบุว่า "มัลแวร์" บนสมาร์ทโฟน Android เติบโตเป็น 2 เท่าภายในช่วงระยะเวลาแค่ 6 เดือน อาจทำให้คุณผู้อ่านของเว็บไซต์ arip หลายๆ ท่านที่ใช้สมาร์ทโฟนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกับเรื่องนี้ ประเด็นก็คือ มันไม่ใช่สมาร์ทโฟนเท่านั้นที่สามารถตกเป็นเหยื่อมัลแวร์พวกนี้ แต่ยังรวมถึง"แท็บเล็ต" Android ด้วย

เชื่อว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ คุณผู้อ่านคงต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีป้องกันสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตของคุณให้รอดพ้นจากการถูกโจมตีโดยเหล่ามัลแวร์ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน แถมยังฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย สำหรับคำแนะนำต่อไปนี้จะเป็น 5 วิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณหลุดรอดปลอดภัยจากภัยคุกคมเหล่านี้ได้ ว่าแล้วไปดูกันเลยครับ
ล็อคมือถือของคุณ เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ใช้มักจะไม่ค่อยได้ทำกัน นั่นก็คือ การตั้งค่าใช้งานให้มือถือล็อคตัวเอง โดยจะต้องมีการป้อน Pin code ก่อนที่จะเข้าสู่การใช้งาน ที่สำคัญอย่าตั้งรหัสผ่านทีเดาได้ง่ายอีกด้วย เหตุผลของคำแนะนำข้อนี้ก็คือ หากมือถือของคุรหาย หรือตกอยู่ในมือผู้หวังดี คนเหล่านี้สามารถใช้เวลาไม่กี่นาทีในการขโมยข้อมูล หรือแม้แต่ฝากสปายสายลับไว้ในสมาร์ทโฟนของคุณ (การตั้งค่าส่วนใหญ่จะอยู่ใน Settings ตามด้วย Security แล้วเลือก PIN เพื่อตั้งชุดรหัสไว้ล็อคหน้าจอก่อนการใช้งาน) ในแง่ของกฎหมาย การล็อคหน้าจออุปกรณ์ไอที หรือมีพาสเวิร์ด ถือเป็นการป้องกันที่หากผู้ใดพยายามแฮคเข้าไปแก้ไข จะถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย มือดีระวังโดน

เลือกติดตั้ง และใช้แอพฯจาก App Market ที่ได้รับการยอมรับเท่านั้น ส่วนใหญ่แอพฯที่มาพร้อมกับมัลแวร์มักจะเปิดให้ดาวน์โหลดนอก App Market ที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Android ที่ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพฯ ได้จากเว็บไซต์ต่างๆ ที่ไม่ใช่ของ Google ได้ ซึ่งไม่เหมือนกับ App Store ของ Apple (ยกเว้นเครื่องที่ Jailbreak) เพราะฉะนั้นคำแนะนำง่ายๆ ก็คือ ควรดาวน์โหลดแอพฯจากแหล่งที่ได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยเท่านั้น อย่างเช่น Android Market เป็นต้น

พิจารณาแอพฯทุกครั้งก่อนดาวน์โหลด นอกจากจะเลือกแหล่งดาวน์โหลดที่ปลอดภัยแล้ว ก่อนดาวน์โหลดแอพฯทุกตัว คุณผู้อ่านอาจจะต้องไตร่ตรองสักนิดหนึ่งก่อน โดยไม่ว่าแอพฯตัวนั้นจะเป็นของฟรี หรือไม่ก็ตาม เพราะแอพฯทุกตัวมีสิทธิ์ที่จะเป็นภัยคุกคามต่อระบบรักษาความปลอดภัยบนสมาร์ทโฟนของคุณได้ทั้งสิ้น คำแนะนำในข้อนี้คือ คุณผู้อ่านควรจะอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับแอพฯ ก่อนดาวน์โหลดทุกครั้ง โดยเฉพาะชื่อของผู้พัฒนาแอพฯ เนื่องจากปัจจุบันมีแอพฯ ปลอมทีชื่่อ และไอคอนเหมือนต้นฉบับ แต่ผู้พัฒนากลับไม่ใช่บริษัทที่พัฒนาแอพฯนั้นๆ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วใน Android Market เมื่อปีที่แล้ว เมื่อมีแอพฯปลอมของ Bank of America หลุดเข้าไป ปกติแอพฯปลอมจะถูกคัดกรองออกจาก Android Market ค่อนข้างเร็ว แต่มันคงปลอดภัยกว่า หากคุณผู้อ่านจะใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลก่อนดาวน์โหลด นอกจากชื่อผู้สร้างแล้ว ยังมีเรื่องของการให้คะแนน หรือคอมเมนต์ แอพฯ ที่เปิดให้ดาวน์โหลดมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน แล้วเพิ่งจะมีคอมเมนต์ว่ามันใช้งานได้ดี ก็มีแนวโน้มว่า มันเป็นแอพฯที่ปลอดภัย ประเด็นสุดท้ายคือ ให้ระวังแอพฯทีมีการร้องขอที่จะเข้าถึงฟังก์ชันเรียกสายของสมาร์ทโฟน แนะนำให้ยกเลิกการดาวน์โหดลแอพฯพวกนี้เสีย

ระวังข้อความ และอีเมล์แปลก เนื่องจากสมาร์ทโฟนวันนี้มีความสมารถเพิ่มขึ้นจนเกือบจะเท่าพีซี ดังนั้นภัยคุกคามต่างๆ จึงมีขีดความสามารถในการเข้าถึงสมาร์ทโฟนได้หลากหลายวิธีไปด้วย ผู้ใช้สมาร์ทโฟนควรระวังภัยคุกคามในรูปแบบของฟิชชิ่ง (phishing) ที่มากับข้อความ หรืออีเมล์ปลอม โดยไม่ควรคลิกลิงค์ที่มาจากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก ซึ่งจากสถิติพบว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่โดนโจมตี หรือกลายเป็นพาหะในการแพร่กระจายมัลแวร์ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิกลิงค์ที่มากับอีเมล์ หรือข้อความที่ไม่รู้จัก หลักการง่ายๆ คือ ไม่คลิก และไม่ยอมรับ (apply) ลิงค์จากข้อความ หรืออีเมล์ที่คุณไม่รูจักนั่นเอง
ติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์โมบาย ผลจากการที่มัลแวร์บนอุปกรณ์โมบายเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ทางบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ได้เริ่มหันมาพัฒนาโปรแกรมพวกนี้บนสมาร์ทโฟนด้วย ซึ่งมีให้ดาวน์โหลใน Android Market โดยแอพฯ พวกนี้จะสามารถตรวจจับ และป้องกันมัลแวร์ได้ ของฟรีที่พอใช้ได้ก็จะมี Lookout หรือถ้าจะเป็นของบริษัทชั้นนำในตลาดนี้ก็เช่น McAfee WaveSecure (19.9 เหรียญฯต่อปี), Kaspersky Mobile Security(29.95 เหรียญฯต่อปี), Trend Micro Mobile Security (3.99 เหรียญฯ ต่อปี) และ Norton Mobile Security (Beta) (ฟรี)

หวังว่า คำแนะนำเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านสำหรับการป้องกันสมาร์ทโฟน Android ไม่ให้ตกเป็นเป้าโจมตี หรือถูกเล่นงานได้โดยง่ายนะครับ ขอให้โชคดีทุกท่านครับ
ที่มา:http://www.arip.co.th/

เตือน!!! มัลแวร์ระบาดหนัก,มือถือให้ระวัง

      แมคอาฟี่ (MaAfee) บริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัย (ปัจจุบันเป็นบริษัทของอินเทล) ระบุว่า ผู้ใช้กำลังเสี่ยงต่อการพ่ายแพ้การทำสงครามกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ โดยข้อมูลในรายงานภัยคุกคาม (Threat Report) ประจำไตรมาสล่าสุดเปิดเผยว่า ความถี่ของการโจมตีของมัลแวร์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา

      นักวิจัยจากแมคอาฟี่ได้ตรวจพบมัลแวร์ชนิดใหม่ๆ มากกว่า 8 ล้านตัวในช่วงไตรมาสทีสองที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นถึง 23% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ แถมยังอ้างอีกด้วยว่า ขณะนี้มีมัลแวร์มากกว่า 90 ล้านตัวที่วนเวียนโจมตีผู้ใช้อยู่ในขณะนี้ แหล่งข่าวชี้ในขณะที่คอมพิวเตอร์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows จะเป็นเป้าหมายใหญ่อันดับหนึ่ง แต่การโจมตีระบบปฏิบัติการ Mac OS X และอุปกรณ์โมบายก็เพิ่มขึั้นมากด้วย "เป้าหมายการโจมตีที่โดยทั่วไปที่มักพบบนพีซี ตอนนี้มันกำลังเปลียนเส้นทางไปยังอุปกรณ์อื่นๆ แล้ว" ทีมวิจัยจาก McAfee Labs กล่าว "รายงานฉบับนี้ต้องการเน้นย้ำว่า มันถึงเวลาที่ต้องจริงๆ จังๆ แล้วสำหรับการป้องกันอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต"

       แมคอาฟี่ยังเปิดเผยในรายงานอีกด้วยว่า ในปีนี้ทางบริษัทพบมัลแวร์ที่แตกต่างกันเกือบ 13,000 รายการที่จ้องเล่นงานอุปกรณ์โมบาย ซึ่งหากเทียบกับปี 2000 บริษัทตรวจพบโมบายมัลแวร์ไม่ถึง 2,000 ตัวเลยด้วยซ้ำ โดยมัลแวร์บนโมบายที่ตรวจพบ ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นโจมตีอุปกรณ์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android ของ Google มากที่สุด "มัลแวร์บนแอนดรอยด์ไม่มีสัญญาณของการเพิ่มจำนวนที่ช้าลงเลย ซึ่งน่าเป็นห่วงมากๆ สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ที่่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการนี้" แมคอาฟี่ เตือน สำหรับคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ที่ใช้อุปกรณ์โมบาย Android สามารถติดตามทิปเกียวกับการดูแล และป้องกันไม่ให้ตนเองตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์ได้จาก "วิธีป้องกัน"มัลแวร์"ไม่ให้มากล้ำกรายสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตของคุณ" ครับ

ที่มาจาก: http://www.arip.co.th/

เทคนิคการลงโฆษณาออนไลน์อย่างไรให้ได้ผล

เดียวนี้การโฆษณาขายสินค้า/บริการผ่านช่องทางเว็บไซต์ออนไลน์เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะด้วยสาเหตุที่ต้นทุนราคาถูกและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว จึงนำมาใช้เป็นสื่อหลักในการประชาสัมพันธ์สินค้า/บริการ การลงโฆษณาทางช่องทางโฆษณาออนไลน์ มีปัจจัยหลักๆ อยู่ 2 อย่างที่ผู้ลงโฆษณาต้องคำนึงคือ

1#ทำอย่างไรให้คนคลิ๊กโฆษณาของเรา
2#ทำอย่างไรให้คนซื้อสินค้า/บริการของเรา


1.ทำอย่างไรให้คนคลิ๊กโฆษณาของเรา
 การลงโฆษณาสินค้า/บริการของคุณทางโฆษณาออนไลน์ มีรูปแบบหลายอย่าง เช่น แบนเนอร์ (แถบภาพโฆษณา), โฆษณาแบบตัวอักษร(Text Ads), โฆษณาเป็นวีดีโอ หรืออีกหลายรูปแบบที่มีมามากมายหลากหลาย แต่เป้าหมายของโฆษณาออนไลน์ทุกอันที่ปรากฏขึ้นมาก “ทำยังไงก็ได้ให้คนคลิกหรืออ่านโฆษณา” ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้คนคลิ๊กหรือสนใจที่โฆษณาที่คุณลงโฆษณาคุณสามารถทำได้ดังนี้
 1.1เลือกลงโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
 คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินกับเว็บไซต์ที่มีคนเข้ามากๆ ก็ได้ เพราะการลงโฆษณากับเว็บไซต์ที่กลุ่มเป้าหมายตรงกับของคุณ อาจจะเลือกลงกับเว็บไซต์เล็กๆ ก็ได้ทำให้ราคาโฆษณาไม่แพงมากนั้น เช่น หากคุณมีเว็บไซต์หรือบล๊อกเกี่ยวกับ ธุรกิจเครือข่าย คุณก็อาจจะเลือกลงโฆษณากับเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายที่มีคนเข้าเยอะได้เช่น กัน ซึ่งโฆษณาอาจจะไม่แพงเท่ากับเว็บไซต์ที่มีคนเข้าเป็นจำนวนมากๆ ก็ได้ ซึ่งคนเข้ามาก แต่กลุ่มเป้าหมายอาจจะไม่ตรงกับกลุ่มที่คุณต้องการเท่าไหร่
 
2.ควรเลือกลงโฆษณาหลายๆเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง

 ซึ่งจะช่วยทำให้ คุณมีหลายช่องทางในการแนะนำเว็บไซต์หรือแคมเปญโฆษณาของคุณผ่านช่องทางหลายช่องทาง และสามารถวัดผลได้ว่า เว็บไซต์หรือช่องทางไหนที่ส่งคนมาให้เว็บไซต์ของคุณมากที่สุด และพยายามเลือกช่วงเวลาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของเรามากที่สุด


3.ทำแบนเนอร์โฆษณาหลายๆ รูปแบบ
 เพราะว่าแบนเนอร์โฆษณา 1 อันจะมีวงจรชีวิต ในเว็บไซต์ ไม่เกิน 2 อาทิตย์ ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ แบนเนอร์โฆษณาที่คุณทำมาหลังจากลงโฆษณาไปแล้ว 2 อาทิตย์ อัตราการคลิกโฆษณาผ่านแบนเนอร์นั้นๆ เข้ามาก็จะเริ่มลดน้อยลง เพราะคนส่วนใหญ่จะเมื่อเห็นแบนเนอร์แล้วก็จะไม่คลิ๊กโฆษณานั้นอีก ดังนั้น คุณควรมีรูปแบบแบนเนอร์หลายๆ รูปแบบและลงในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป


4.การใช้คำพูดหรือคำที่คนสนใจสำหรับโฆษณาแบบตัวอักษร
 4.1การใช้คำที่กระตุ้นความรู้สึก (Call to Action)
 4.2คำว่า “ฟรี.!” ก็ยังเป็นคำที่ได้ผล
 4.3อะไรที่ห้ามๆ บางทีก็ได้ผล
 เช่น “ห้ามคลิ๊กเด็ดขาด” หรือ “ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ดู” หรือ “คนเมียดุห้ามดู” ลองคิดดูคำเด็ดๆ ดูละกัน วิธีนี้ได้ผลดีนัก
 4.4ใช้ศัพท์ที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิค
 4.5 การให้คำมั่นสัญญาก็ได้ผลเช่นกัน
 เช่น “ส่งฟรี.! ถึงบ้านภายใน 2 ชั่วโมง” หรือ “ซื้อไปแล้วไม่พอใจ ยินดีคืนเงิน”
 เพื่อนๆสมาชิกลองใช้เทคนิคดังกล่าวไปใช้ดูนะครับได้ผลอย่างไรเล่าสู่กันฟังบ้างน่ะครับ..

ที่มาจาก:http://www.thaiadshare.com/blog/

5 อันดับ แทบแลต

     รายงานข่าวล่าสุด แอมะซอน (Amazon) กำลังจะเปิดตัว Kindle Fire 2 แท็บเล็ตรุ่นใหม่ของบริษัทในวันนี้ โดยเป็นอีกหนึ่งความหวังในการที่จะต่อกรกับเจ้าตลาดอย่างไอแพด (iPad) ของแอปเปิ้ล (Apple) ซึ่งก่อนหน้านี้ แอมะซอนเคยเขย่าบัลลังก์ตลาดแท็บเล็ตได้น่าประทับใจพอสมควรในช่วงเปิดตัว Kindle Fire รุ่นแรก

     อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ แอปเปิ้ลยังคงสามารถครองส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตได้เพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง โดยแท็บเล็ตที่มีการขายในช่วงเวลาดังกล่าวทุกๆ 7 ใน 10 เครื่องเป็น"ไอแพด" ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้รับการเผยแพร่โดยบริษัทวิจัย IHS iSuppli เหตุผลที่ทำให้ตลาดของไอแพดยังโตต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่สองก็คือ new iPad ที่เปิดตัวในช่วงเวลาดังกล่าว และ iPad 2 ที่ลดราคาลงมา ทั้งนี้ส่วนแบ่งตลาด"แท็บเล็ต"ของแอปเปิ้ลจะอยู่ที่ 69.6% เทียบกับไตรมาสแรกของปี 58% งานนี้คู่แข่งที่คิดจะวิ่งไล่ตามคงต้องเร่งเครื่องอย่างหนัก ในขณะเดียวกัน ข่าวลือที่ว่า แอปเปิ้ลเตรีย่มเปิดตัว iPad mini ในข่วงเดือนตุลาคม ซึ่งหากเป็นจริงดังข่าว อาจจะทำให้คู่แข่งต้องคิดหนักอย่างแน่นอน

     สำหรับ 5 อันดับของผู้ผลิต"แท็บเล็ต"ที่มีส่วนแบ่งตลาดไล่เรียงกันตามลำดับได้แก่ แอปเปิ้ล ที่ขายไอแพดในช่วงไตรมาสที่สองที่ผ่านมาได้มากถึง 17 ล้านเครื่อง (69.6%) ตามด้วยคู่กัดอย่าง ซัมซุง (Samsung Electronics Co.,) ที่ขาย Galaxy Tab ไปได้ 2.3 ล้านเครื่อง (9.2%) ส่วนอันดับ 3 กลับเป็น Amazon.com ที่ขาย Kindle Fire ได้ 1 ล้านเครื่อง (4.2%) และอันดับ 4 เป็น AsusTek Computer Inc. ที่ขายแท็บเล็ตในตระกูล Transformer ได้ 688,000 เครื่อง (2.8%) รั้งอันดับสุดท้ายเป็น Barnes & Noble Inc. ที่ขายแท็บเล็ต Nook ได้ 459,000 เครื่อง (1.9%) นอกนั้นเป็นแท็บเล็ตจากผู้ผลิตรายอื่นๆ รวมกันอีก 3 ล้านเครื่อง หรือประมาณ 12.3% ซึ่งจากส่วนแบ่งตลาดที่เห็นนี้จะเห็นว่า iPad ของ Apple ทิ้งห่างคู่แข่งไปหลายช่วงตัวเลยทีเดียว

ที่มาจาก: www.arip.co.th/

ไมโครซอฟท์เปิดตัว Windows 8 วันที่ 26 ตุลาคมนี้



    
     หลังจากที่ Microsoft เปิดให้ทดลอง Windows 8 Consumer Preview สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และ Windows 8 Developer Preview ออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว ล่าสุดได้มีรายงานจากเว็บบล็อคของไมโครซอฟท์ ว่า สตีเวน ไซนอฟสกี ได้เตรียมเปิดตัวระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดของ วินโดวส์ 8 จะเริ่มปล่อยให้ผู้ใช้อัพเกรดวันที่ 26 ตุลาคม 2012 โดยเจ้าตัว Microsoft Windows 8 จะแยกออกเป็นสองส่วนด้วยกันคือ

      - การอัพเกรดจากการใช้ระบบปฏิบัติการเดิมของไมโครซอฟท์ เดิมของ Microsoft ได้แก่ Windows 7, Windows Vista และ Windows XP สำหรับค่าอัพเกรดนั้นจะอยู่ที่ ราคา $39.99 หรือประมาณ 1,300 บาทไทย
      - การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 8 ลงบนคอมพิวเตอร์ เครื่องใหม่ สำหรับราคาของตัวนี้จะมาพร้อมแผ่น DVD Windows 8 ในราคา $69.99 หรือประมาณ 2,200 บาทไทย

      นับว่าทาง Microsoft ลดราคาเจ้าตัว Windows 8 ลงมาอย่างมากเมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น XP,Vista,7 ราคาค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ใช้หลายคนหันไปมองของละเมิดลิขสิทธ์ ข่าวไอที




ที่มาจาก: http://www.itday.in.th/

การตลาดสู่ยุคสร้างสรรค์ไม่ใช่ยุคสร้างภาพ ตอนที่ 2 Creative Marketing Strategy


การกำหนดแนวทางสร้างสรรค์ยุทธ์ศาสตร์การตลาด
I.Value Definition วิธีในการกำหนด สนามรบหรือพื้นที่เล่นของเรา เราต้องอาศัยข้อมูล แน่นอนข้อมูลการตลาดเดิมอาศัยการวิจัยตลาดMarket Research แต่ ในยุคใหม่ เราจะอาศัยข้อมูลจากอีก 2 แหล่ง คือ ข้อมูลประวัติ พฤติกรรมการซื้อ จากฐานข้อมูล CRM ก็ดี ข้อมูลฐานสมาชิกสั่งซื้อก็ดี ส่วนอีกแหล่งมาจาก Customer Insight คือ การเข้าไปมองทะลุถึงใจลูกค้าเช่น ที่ร้านสังเกตการณ์ลูกค้า เฟอร์นิเจอร์ IKEA เชิญลูกค้ามาพัก ใช้ห้องนอน และบ้านพัก IKEA ฟรี เพื่อที่จะสังเกต การนอน การใช้ชีวิต เมือลูกค้าอยู่ที่บ้าน หรือ ผงซักฟอก ได้ส่งพนักงานข้าไปดูที่บ้านลูกค้า ไปอยู่กับลูกค้า พักกันลูกค้าโดยยินดีจ่ายเงินให้ลูกค้า แล้วเขาก็ไปสังเกตการใช้ผงซักฟอกของลูกค้าในชีวิตประจำวันของเขาที่บ้าน หรืออีกกรณีนักออกแบบ รองเท้าและอุปกรณ์กีฬา ไนกี้ ต้องเล่นกีฬานั้นเป็นและต้องไปเล่นกับนักกีฬาพวกนี้ ฟังการวิจารณ์ติดชมผลิตภัณฑ์ทั้งของไนกี้ และคู่แข่ง นักออกแบบก็จะสามารถเห็นช่องว่างในการพัฒนาสินค้าของตนเองขึ้นมาใหม่ จากความรู้เท่าทันเหตุการณ์(Knowing)ทำให้เรามองภาพปลายทางข้างหน้าได้ ( Foresighting ) เมื่อภาพปลายทางชัดเจน เราสามารถปรับตัว เคลื่อนไหวไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องได้(Moving) เมื่อเคลื่อนไหวถูกต้องเราเกิดการเรียนรู้ว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งเช่น ดีไซน์แบบนี้ดี โปรโมชั่นแบบนี้ตรงใจ การสื่อสารแบบนี้เยี่ยม เราก็จะขยายผลจากหัวหาดที่เรายึดไว้นี้ต่อไปเพื่อให้ เรามีที่อยู่ทีมั่นคง (Position)
Knowing ---> Foresight ---> Moving ---> Position
ดังนั้นเราจะเลือกว่าช่องว่างหรือพื้นที่เป้าหมายที่เราจะเข้าตีนั้นอยู่ที่ใด เราจะสร้างคุณค่าด้วยวิธีอะไร วิธีการใหญ่ๆมี 4 ทิศทาง
- เน้นนวัตกรรมInnovation ออกสิ่งแปลกใหม่ แหวกแนวตลอด ก่อนคู่แข่ง เช่น SONY, NIKE หรือ ให้ผลิตภัณฑ์ครบวงจร ที่เรียกว่า Solution เช่น IBM
- เน้นด้านวิธีการ ระบบและขบวนการ Business Process เน้นเรื่องคุณภาพ เช่น TOYOTA เน้นเรื่องต้นทุนต่ำเช่น Makro Lotus ,Dell คอมพิวเตอร์
- เน้นด้านความรู้และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น Sothwest P&G GE Disney เพื่อให้คนภาคภูมิใจในงาน และ คนมีความรู้ในการดำเนินการ ให้คนมีส่วนร่วมในการจัดการตัดสินแนวทางการทำงานของตนเอง
- เน้นด้านสร้างคุณค่า และผลตอบแทนการลงทุนสูง เช่น บริการทางการเงิน อุตสหกรรมหนัก ที่ต้องลงทุนมาก
- เน้นการสร้างประสบการณ์ ที่ดี ให้ลูกค้าและเครือข่ายร่วมงาน Experience Network หลักการคือต้องทำงานเป็นทีม ร่วมกันแชร์ความคิด ทรัพยากร ความรู้ความเชี่ยวชาญ และ ความฝันร่วมกัน จุดยึดเหนี่ยวคือ Passion ความหลงใหลเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน เช่น ชมรมเจ้าของรถHarley ชมรมคนใช้ Palm Computer ที่แชร์ซอฟแวร์ร่วมกัน วิจารณ์ แนะนำวิธีการใช้งาน โดยบริษัทไม่ได้เข้าไปควบคุม กระทิงแดงสนับสนุน Xgame Camel /Jeep สนับสนุนท่องไพร่ปีนเขา


II.Value Design เราจะออกแบบสร้างคุณค่าได้อย่างไร จากทิศทางที่เรากำหนดเราจะรู้ว่าเราจะเน้นอะไร แต่ทิศทางที่จะเน้นอาจมีรายละเอียดลึกๆต่างกัน แล้วแต่การออกแบบ คุณค่า และประเภทธุรกิจ เช่น
- Low cost Airline เน้น ตรงเวลา บริการที่เป็นมิตร และ ความบันเทิง ขณะผู้โดยสารบิน
- Dell นอกจากเน้น ลดต้นทุน สต๊อก แล้ว ยังเน้นความไวในการรับคำสั่งซื้อแล้วผลิตจนส่งถึงมือลูกค้าได้รวดเร็ว และเน้นความยืดหยุ่นให้ลูกค้าเลือกได้เองจะเป็นเรื่องส่วนประกอบชิ้นส่วน สเป็คต่างๆลูกค้าเลือกเองได้หมด เดลล์เป็นเพียงผู้สนองดังนั้นความยืดหยุ่นมีสูงมาก ไม่เหมือนผลิตมาสต๊อกลูกค้าต้องซื้อเครื่องที่ประกอบมาแล้วเปลี่ยนไส้ในไม่ได้นั้นเอง
- Wall Mart แม้นจะเน้น ต้นทุนต่ำ แต่ก็เน้นว่าสินค้าที่จะขายจะต้องมีสไตล์แบบในเมือง
-Toyota แม้เน้นต้นทุนต่ำ แต่ก็เน้น การออกแบบให้สวยงาม HiTouch สุขสบาย กว้างขวาง เพิ่มเติมเข้าไปอีก เน้นAero Dynamic คุ้มค่าและประหยัดน้ำมัน
ทั้งนี้การออกแบบคุณค่าต้องดูว่าประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้คืออะไร ตามหลักของ Alan Mitchell ในหนังสือ The New Bottom line ว่าด้วยหลัก OPTIMA
O-peration เราได้ช่วยให้ลูกค้าทำงานได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สะดวกมากขึ้น งานง่ายขึ้น หรือทำงานยากแทนลูกค้า เช่น บริการซักอบรีด บริการทำความสะอาด หรือน้ำยาล้างห้องน้ำเพียงเททิ้งไว้ไม่ต้องขัดไม่เปลืองแรง (ทำไมบริษัทยา และคอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตนวัตกรรมใหม่ๆตลอดเพื่อให้ชีวิตลูกค้าสบายขึ้นจึงได้รวย)
P-assion ทำให้ลูกค้าหลงใหล ฝันค้าง จนต้องเอาของเรามาให้ได้ เช่นปลุกกระแสนิยม มีของแปลกใหม่ ให้ในสิ่งที่ลูกค้ายังไม่เคยมีเคยได้มาก่อน ให้สิ่งที่เกินความคาดหวังของลูกค้า เรื่องนี้เป็นเรื่องความฉลาดในการบริหารอารมณ์ของลูกค้า เช่นสร้างบรรยากาศหน้าร้าน หรือจุดติดต่อระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ และ บริหารความภักดีลูกค้าหลักการง่ายๆคือเปลี่ยนจากลูกค้าที่ซื้อครั้งต่อครั้งมาเป็นสมาชิกที่แวะมาหาพบปะกันเสมอแม้ไม่ได้มาซื้อ จากสมาชิกเป็นแฟนพันธุ์แท้รู้จริงรู้ซึ้งและรักเรา ดังนั้นการสร้างความรู้สึกร่วมของคนเป็นกลุ่มหรือชุมชน เช่นกรณี รายการให้คนโทรศัพท์เข้ามาแสดงความคิดเห็นก็ได้มีส่วนร่วมและแชร์ความคิดกัน หรือส่ง SMS ข้อความย่อผ่านมือถือเข้าแสดงความดีใจหรือ เสียใจให้แก่กัน หรือเข้ามาทายผลการแข่งขัน แสดงความคิดเห็น ผ่านมือถือออกปรากฏหน้าจอทีวี นี้คือการสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างการรวมตัวของกลุ่มคนหรือชุมชนขึ้นชั่วคราว แต่ถ้าแบรนด์สามารถสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างชุมชนถาวรขึ้น นั่นคือสร้างกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ให้เกิดขึ้น คนของเราที่จะสัมผัสลูกค้า การแสดงออกท่าทีการชักจูงให้ลูกค้ามีส่วนร่วมและรวมกลุ่มด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจคือหัวใจของการสร้าง Passion (ธุรกิจผลิตContent สร้างฝัน บันเทิง ความรู้และการศึกษาจัดเป็นธุรกิจดาวรุ่ง ไม่ว่าเป็นเกมส์ เพลง ภาพยนตร์ กีฬา)
T-ime เวลาลูกค้าจะประหยัดเวลาลูกค้า เวลาในการหาข้อมูล เวลาในการทำ เวลาในการรอ เวลาในการเก็บ เวลาในการนำไปทิ้ง ยิ่งลูกค้าเร่งด่วนเท่าไร เรายิ่งให้บริการก่อนและรวดเร็วก็จะยิ่งสร้างความประทับใจ ผลิตภัณฑ์บางอย่างก็เกิดขึ้นเพื่อประหยัดเวลาในเวลาเร่งรีบ เช่นตอนเช้า ผลิตภัณฑ์ อาหาร Cereal และ เครื่องดื่มยามเช้า อาหารสำเร็จรูป อาหารพร้อมปรุงต่างๆ เป็นตัวช่วยประหยัดเวลาทั้งสิ้น(ทำไม ธุรกิจ ห้าง ธุรกิจบัตรเครดิต ที่มีฐานสมาชิกลูกค้าตัวเองจึงมีอำนาจต่อรองกับ ซัพพลายเออร์มหาศาล แยกแยะว่าสินค้าอะไรบริการอะไรควรจะสู่ลูกค้าตัวเอง)
I-nformation การให้ความรู้และข่าวสารข้อมูลที่ทันสมัย ตรงตามจังหวะที่ลูกค้าต้องการ ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าเป็น โฆษณา ประชาสัมพันธ์ จดหมายข่าว โทรสายด่วนตอบปัญหา เว๊ปไซด์ การอบรมให้ความรู้ แบบที่รัฐให้กับผู้ประกอบการ SMEs เป็นต้น หรือการให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้า แนะนำการแต่งตัวสำหรับเสื้อผ้าแฟชั่น แนะนำการถ่ายภาพสำหรับกล้องถ่ายรูป แนะนำเรื่องสถาปนิก ผู้รับเหมา และร้านค้าวัสดุก่อสร้างให้สำหรับเจ้าของบ้าน แนะนำคู่ค้าในการทำธุรกิจ การบริหารช่องทางข่าวสารที่เข้าถึงลูกค้ามีความสำคัญมากขึ้น และแบรนด์ใดสามารถสร้างช่องทางตัวเองเข้าสู่ลูกค้าตนเองได้ก่อนก็เท่ากับเป็นเจ้าของสถานีที่มีคนดูคนฟังเป็น ลูกค้าตนเองล้วนๆ(ทำไมเจ้าของสื่อ สถานีโทรทัศน์ วิทยุ และมือถือ เว๊ปไซด์ ถึงได้รวย)
M-oney ประหยัดเงิน เช่น ยางมิชิลิน ประหยัดน้ำมัน เครื่องใช้ไฟฟ้า เบอร์ 5 ประหยัดไฟ สมาชิกได้ส่วนลด 10% ซื้อเหมาโหลถูกกว่า หรือสินค้าเรียบง่ายราคาประหยัด ล้วนแต่สนองความต้องการเรื่องประหยัดเงินทั้งสิ้น นอกจากเรื่องประหยัดยังมีเรื่องสร้างให้ลูกค้ารวย ขายความรวย เช่น พ่อรวยสอนลูก ล้มแล้วลุก ซื้อแล้วรวย แม้แต่ของที่เรียกว่ากูให้มึงรวย ก็ตาม (ทำไมเจ้าของธนาคารถึงรวย)
A-ttention ความตั้งใจลูกค้า การเรียกร้องความสนใจ ลูกค้ามีความตั้งใจที่จำกัด ดังนั้นเราต้องเรียกร้องความสนใจลูกค้า เทคนิคในการเรียกร้องความสนใจหรือทำให้ลูกค้าสนใจ โดยอาศัยการสร้างสรรค์ ที่ดี Creativity with High Impact ไม่ว่าจะเป็น การสื่อสารการตลาด การจัดหน้าร้าน การจัดงาน Event (ทำไมธุรกิจสร้างสรรค์ ออกแบบ และโฆษณา จึงเป็นธุรกิจที่ไม่เคยตาย)
L-ifestyle บทบาทคุณค่าใหม่ทำให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น เพราะ แบรนด์คือ คุณค่าที่ลูกค้าได้ใช้มันในชีวิตประจำวัน ได้กอดมัน ดูดดื่มมัน ได้สัมผัสมัน และมีมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน Brand is innovative idea that customer live by นั้นคือผลิตภัณฑ์และสิ่งที่เราจะเสนอลูกค้านั้นจะสามารถ สร้างคุณค่าใหม่ในชีวิตลูกค้า นำเสนอรูปแบบ Styling ที่ลูกค้าต้องการหรือนิยมชมชอบได้หรือไม่ ผลประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับแบบบูรณาการ สิ่งที่เราจะถามคือ เราจะมอบอะไร What ให้ใคร Who นำไปใช้กับใคร With whom ที่ไหน Where เมื่อไร When อย่างไร How เป็นการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า ตลอดขบวนการซื้อ ก่อนซื้อ ขณะซื้อ และหลังซื้อ เมื่อได้แล้ว เราจะดูว่าเราสามารถ สร้างสรรค์ อะไรใหม่ๆได้ด้วยหลักการของ CEO2 ซึ่งผู้อ่านสามารถศึกษาได้จาก หนังสือ Experiential Relationship Management-ERM มีกล่าวไว้โดยละเอียดโดยผู้แต่งคนเดียวกัน
III.Value Creation เราสร้างคุณค่าด้วยอะไร ที่สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ แน่นอนการสร้างความแตกต่าง สามารถสร้างได้ 5 มิติ ตัวผลิตภัณฑ์ Product, ตัวข่าวสารข้อมูล ภาพพจน์ภาพลักษณ์ Information/Image, บริการให้คำแนะนำปรึกษาช่วยเหลือService ,การสร้างความสัมพันธ์ผูกใจลูกค้าRelationship, และการบริหารอารมณ์และประสบการณ์ที่เป็นเลิศให้ลูกค้าManaging Experience/Passion รวมกันเรียกว่า PRISM โมเดล ซึ่งเป็นโมเดลลิขสิทธิ์ของ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง กูรู แอสโซซิเอชั่น จำกัด เราสามารถนำ หลัก CEO2 มาใช้สร้างสรรค์ สิ่งใหม่ได้เช่นกัน หากท่านสนใจหาอ่านได้จากหนังสือ ERM เพิ่มเติมตามที่ได้กล่าวมาแล้ว

IV.Value Delivery เราส่งมอบคุณค่าผ่าน ช่องทางการสื่อสารและช่องทางขายอย่างไร Channel Communication พูดอีกนัยหนึ่งคือจุดสัมผัสติดต่อระหว่างลูกค้ากับเรามีได้กี่วิธี กี่ช่องทาง ติดต่อกับใคร และจะเก็บข้อมูล การแลกเปลี่ยนนั้นอย่างไร การแลกเปลี่ยนอยู่ในรูป ความคิด ถามตอบ ซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ วิจารณ์ รับผลิตการ ต่อว่า ข้อเสนอแนะ ออกแบบผลิตภัณฑ์เอง เราจะส่งเสริมลูกค้าให้ทำกิจกรรมเหล่านี้ได้อย่างไร เช่น การตั้งกะทู้ การมีแบบสอบถามความคิดเห็น การตรวจยอดผลิตภัณฑ์ที่ขายไป และการบันทึกประวัติการซื้อ การใช้บริการลูกค้า การใช้ข้อมูลต่างๆเหล่านี้ทำให้เราได้เรียนรู้ลูกค้าดีขึ้นและจะเป็นแรงผลักดันหลักให้เราสามารถปรับปรุง ข้อเสนอเราให้ตรงใจลูกค้าและเป็นประโยชน์กับชีวิตลูกค้าได้ ลงเป็นรายบุคคล หรือกลุ่มบุคคลได้ ตัวอย่างเช่น
- มือถือ จะมีกลุ่มใช้งานเข้า เน็ต มักเป็นผู้บริหารดูข้อมูล กลุ่มชอบแช๊ตคุยนานทั้งวัน กลุ่มชอบส่งSMS กลุ่มกริ้งแล้ววางให้โทรกลับ กลุ่มชอบโหลดเพลงและภาพ เล่นเกมส์ กลุ่มไม่ชอบเทคโนโลยีใช้มือถือแบบโทรศัพท์บ้าน(โทรอย่างเดียว)
- ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง จากแบ่งกลุ่มสินค้าตามCategory เช่น ฮาร์ตแวร์ ไฟ สี กระเบื้อง สุขภัณฑ์ จะเปลี่ยนเป็น การจัดกลุ่มตามการใช้งานเช่น กลุ่มห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว สวนย่อมสนามนอกบ้าน-อาหาร จากแบ่งเป็นกลุ่ม อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง อาหารสด อาหารสำเร็จรูปกึ่งสำเร็จรูป จะเปลี่ยนเป็น อาหารปลอดสารพิษ อาหารเกษตรอินทรีย์ เพื่อสุขภาพ อาหารของดีหายาก อาหารสำหรับคนเร่งรีบ อาหารที่เสริมวิตามินพิเศษหรือสมุนไพร จากการจัดกลุ่มตามผลิตภัณฑ์จะมาเป็นการจัดกลุ่มตาม คุณค่า Value
- ธนาคาร จากการแบ่งผลิตภัณฑ์ เป็น เงินฝาก เงินกู้ บัตรเครดิต เงินเดือนพนักงาน ATM ประกันภัย ลงทุน กองทุน จะเปลี่ยนมาเป็นการผสมผสานผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าในวัยต่าง ตั้งแต่แรกเกิด เด็ก วัยรุ่น ก่อนแต่งงาน หลังแต่งงาน มีลูก มั่นคง หลังเกษียร แน่นอนหากพิจารณาตาม Valueที่ลูกค้าต้องการจะพบว่าลูกค้ามีความต้องการแตกต่างกันตาม สไตล์ ช่วงชีวิต การใช้งานหรือ ดำเนินชีวิตประจำวัน
ดังนั้นเราจะสร้างสรรค์ยุทธ์ศาสตร์การตลาดได้ดี ต้องมี 4 ขั้นตอน คือ กำหนด ทิศทางสร้างสรรค์ยุทธ์ศาสตร์เพื่อสร้างคุณค่าให้ลูกค้าValue definition จากการศึกษาหาข้อมูลด้วย Customer Insight และ Data Mining ,ตามมาด้วยการออกแบบValue Designสร้างสรรค์คุณค่าที่แตกต่างแปลกใหม่ให้ลูกค้าด้วย หลัก OPTIMAL,Value Creation การตอบสนองความต้องการลูกค้าด้วย หลัก PRISM และ CEO2 ,Value Delivery การส่งมอบคุณค่าด้วยการสรรหา ช่องทางการติดต่อสื่อสารและช่องทางการขายไปยังลูกค้าด้วยการบริหารจุดติดต่อและจุดสัมผัสระหว่างเราและลูกค้าเพื่อ บริหารประสบการณ์และความฝันใฝ่ในใจลูกค้า เพื่อประโยชน์และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
ที่มาจาก: ชูศักดิ์ เดชเกรียงไกรกุล CEO MGA

การตลาดสร้างสรรค์ (Creative Marketing) ตอนที่ 1

              ก่อนอื่นต้องขอกล่าวถึงการตลาดยุคเดิม หัวใจความสำเร็จจะอยู่ที่การปลุกกระแสการรับรู้ให้ได้อย่างเร็ว การกระจายสินค้าให้ครอบคลุมมากที่สุด ยึดพื้นที่ตำแหน่งในร้านค้าที่ดีมีคนเห็น เช่น หน้าร้าน พื้นที่จูงใจให้เกิดการทดลองฟรี และ ซื้อง่ายด้วยรายการส่งเสริมการขายที่แรง เช่น ลด 20% มีของแถมพิเศษ ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง เป็นต้น ขบวนการ แบบเดิมจะเริ่มจาก มีแนวคิดสินค้าใหม่ แล้วก็วิจัยพัฒนา แล้วค่อยหาตลาดและช่องทางการขายทีหลัง ขบวนการแบบนี้คือขบวนการแบบเส้นตรงทำจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำเป็นขั้น แต่ปัจจุบันกระแสการเปลี่ยนแปลงหลักๆที่ทำให้การตลาดและธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันคือ

             1. การพลิกโฉมหน้าธุรกิจกินเวลาสั้นกว่าเดิม ปัจจุบัน ภาพยนตร์ มีอายุฉายในโรงเพียง 7-10 วัน เพลงมีโอกาสติดตลาดเพียง 1 เดือน หนังสือมีโอกาสโชว์ตัวหน้าร้านเพียง 1 สัปดาห์ แฟชั่นเปลี่ยนจากออกเป็น Collection เช่น หน้าร้อน Spring/Summer หน้าหนาว Autumn/Winter เป็นผลิต 12,000 แบบต่อปี ใช้เวลา 10 วันตั้งแต่ออกแบบจนถึงเป็นตัวสำเร็จรูปพร้อมขาย เครื่องถ่ายเอกสารจากระบบ อนาล็อกเข้าสู่ระบบดิจิตอลทำได้หลายหน้าที่ทั้ง ถ่ายเอกสาร พิมพ์งาน แฟกซ์ อีเมล์ กล้องจากระบบฟิล์มเปลี่ยนเป็นกล้องดิจิตอล เพลงกำลังจะเปลี่ยนจากเทปคลาสเซ็ท และ ซีดี เป็น MP3 เราพอสรุปยุคหน้าของประวัติศาสตร์มีการพลิกเปลี่ยนไปในด้านกลยุทธ์นั้นกินเวลาสั้นลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเร็วขึ้นธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์ให้ทัน
เราจะเห็นว่าจากยุค Mass การผลิตแบบอุตสาหกรรมปริมาณมากๆ สู่ยุคคุณภาพของญี่ปุ่นใช้เวลากว่า 20 ปี

             จากยุคคุณภาพสู่ยุคสร้างนวัตกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ R&D เน้นการออกแบบ Design ใช้เวลาเพียง 10 ปี ทุกบริษัทต่างเน้นการออกผลิตภัณฑ์ลูกหลาน เหลน โหลน เต็มไปหมด
จากยุคพัฒนาความต่างด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ สู่ยุคบริการ Service สนองความพอใจลูกค้าที่เป็นเลิศ ใช้เวลาเหลือ 5 ปี ทุกบริษัทเน้นบริการสู่ความเป็นเลิศ บริการทุกระดับประทับใจ พอใจ บริษัทเน้นการวัดความพึงพอใจลูกค้า

            จากยุคบริการ Service เข้าสู่ยุค บริหารความสัมพันธ์ลูกค้า CRMใช้เวลา 3 ปีทุกบริษัทหันมาสร้างลูกค้าขาประจำและแฟนพันธุ์แท้เต็มไปหมด มีฐานข้อมูลลูกค้ามีบัตรสมาชิก เที่ยว ดื่ม กิน ช็อป บ่อย

           จากยุคบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าสู่ยุคบริหารประสบการณ์ลูกค้า Experience Management กินเวลาเพียง 1 ปี เน้นสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ลูกค้าไม่เคยได้รับให้ลูกค้า

            2. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงความต้องการลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การตอบสนองลูกค้าต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว sense and response จนเกิดบวนการ Quick Response-QR ซึ่งก็คือ ตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว สมมุติว่าลูกค้าสั่งสินค้า แล้วขอข้อแนะนำจากเรา และขอออกแบบด้วยตัวเอง แล้วให้เราผลิตให้ได้ภายใน 10 วัน ต่อมาลูกค้าก็ขอแก้ไขแบบ แต่เราก็ยังคงต้องส่งของให้ทันตามเดิม เช่นเปลี่ยนสี เปลี่ยนแบบ เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ เปลี่ยนส่วนผสมใหม่ ความเสี่ยงคือเราต้องทำงานอย่างรวดเร็วในการตอบสนองลูกค้า ขณะที่จะต้องมีความยืดหยุ่นสูงในการ ตอบสนอง เช่น Dell จะผลิตคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตามคำสั่งซื้อเฉพาะลูกค้าเป็นรายๆไป เครื่องสำอางผลิตสูตรเฉพาะให้ลูกค้าขึ้นกับสภาพผิวของลูกค้า และการใช้ชีวิตประจำวันลูกค้าว่าอยู่นอกอาคาร หรือทำงานในสำนักงานนั่งอยู่กับที่ นอนดึกชอบเที่ยวกลางคืน ขณะเดียวกันหน้าร้านที่ขายสินค้าแต่ละจุดจะรู้ว่าสินค้า ขนาด สี รสชาติ กลิ่นใด ขายดี ไม่ดี มีการโยกย้ายสินค้า ระหว่างหน้าร้าน ไม่ให้มีสินค้าขายหรือ สินค้าที่เป็นสต๊อกที่ขายไม่ได้คงค้างอยู่นาน และพนักงานหน้าร้านจะรู้ว่าสินค้าอะไรขายก็จะสั่งเฉพาะสินค้าที่ขายได้ สต๊อกก็ไม่บวม ปัญหาที่พบในระดับการใช้งานคือ ซอฟแวร์ที่มีอยู่ไม่ทันสมัย หรือแต่เดิมไว้ใช้ในการควบคุมสต๊อคสินค้าและทางบัญชี จึงใช้ประโยชน์ได้น้อยกับการตลาดซึ่งมีการใช้งานข้อมูลในรอบที่รวดเร็วรู้ผลนาทีต่อนาที แทนที่จะเป็นรอบเดือนแบบระบบบัญชี และข้อมูลที่มีอยู่เดิม ในระบบบริหารสต๊อก Inventory Management จึงไม่สามารถตอบโจทย์ทางการตลาดที่มีลักษณะเคลื่อนไหวเร็วโต้ตอบเร็วได้ ข้อมูลเดิมเองก็ไม่สามารถนำมาปรับแต่งให้เข้ากับระบบฐานข้อมูลใหม่ ข้อเสนอแนะคือ ซอฟแวร์ที่ท่านใช้ต้องคืนทุนใน 18 เดือน และพร้อมที่จะปรับปรุง Upgrade หรือ ปรับเปลี่ยนไปเลย เป็นตัวใหม่โดยนำข้อมูลเดิมมาเข้าระบบใหม่ได้ทันที อย่ามัวมะงุมมะงาหรา อยู่เพราะคนอื่นเขามีข้อมูลสถานการณ์ตลาดที่ทันสมัยกว่าท่าน การตัดสินใจคู่แข่งย่อมดีกว่าท่าน เพราะข้อมูลที่ท่านมีอยู่มันเป็นอดีต ในขณะที่ข้อมูลคู่แข่งมีเป็นปัจจุบัน

           3. Low cost การลดต้นทุนให้ต่ำเพื่อขายให้ได้ราคาต่ำกินตลาดวงกว้าง Mass เช่น Low cost Airline ใช้เครื่องบินมือสองลำเล็กและบรรจุผู้โดยสารให้เต็มลำซึ่งแน่นอนผู้โดยสารที่มาก่อนก็ต้องรอ และใช้พนักงานน้อยกว่าสายการบินราคาปกติ ไม่เสิร์ฟอาหารบนเครื่องบินเพื่อลดพนักงานบนเครื่องและลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับอาหาร การจัดการ เรื่องอาหารที่ยุ่งยาก หรือกรณีการขายผ่านหน้าร้าน หน้าร้านจะบริหาร สต๊อกต่ำสั่งเฉพาะสินค้าที่ขายได้และสั่งน้อยๆแต่สั่งบ่อยๆ เช่น ร้านแฟชั่น ZARA จะมีสต๊อกสินค้าต่อแบบต่อสีต่อไซด์เพียงอย่างละตัวเท่านั้น และจะสั่งชดเชย สต๊อกที่ขายไป สัปดาห์ละ 2 ครั้ง คำสั่งซื้อจะถูกรวมจากทุกร้านและส่งไปยังศูนย์รับคำสั่งซื้อ และทำการผลิตกลับมาภายใน 7วัน ลดขั้นตอนการทำงานลงเพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้นมีประสิทธิภาพสูง ขั้นตอนไหนทำร่วมกันได้ ใช้ชิ้นส่วนประกอบร่วมกันได้เป็นการลดต้นทุนผลิตและสต๊อกชิ้นส่วนในขณะผลิตไปในตัว ลดข้อยุ่งยากในการทำงานเช่นต้องมีการรายงาน การประชุม การรออนุมัติ ตัดสินใจจากฝ่ายจัดการก่อนดำเนินการได้ ในอนาคต GE จะลดพนักงานระดับกลางลงเหลือเพียง 20% เพราะอะไร เพราะเขาจะลดข้อยุ่งยากจากการต้องผ่านตัวกลางตัวกรอง ซื่งบ่อยครั้งตัวกลางตัวกรองทำให้งานล่าช้าและไปผิดทาง โดยบริษัทต่างๆจะใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาจัดการบริหารและสื่อสารไปยังผู้ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

ศราวุฒิ พัฒนชัย
ปรับปรุงและเรียบเรียงบทความ

สำหรับคนชอบ Marketing อ่านแล้วจะรู้สึกสนุกไปด้วยน่ะค่ะ (หรือ Admin คิดไปเองหว่า...T_T)

ทำ "เบลอ" ใบหน้าให้กับคนในคลิปบน YouTube

        เช้านี้ทางเว็บไซต์ arip ได้นำเสนอรายงานข่าวเกียวกับเครื่องมือใหม่ใน YouTube ที่่ช่วยให้คุณสามารถปกปิดใบหน้าของคนในคลิป เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว และป้องกันไม่ให้ใครจำได้ ด้วยทูลส์ทีมีชื่อว่า Blur All Faces หรือเครื่องมือช่วยทำให้หน้าของคนในคลิป"เบลอ" จนเห็นไม่ชัด (คล้ายเอายาหม่องไปทา :D) ซึ่งสามารถสั่งให้ YouTube จัดการได้ภายในคลิกเดียว
หลังจากขึ้นข่าวไปบนเว็บไซต์ก็ได้รับความสนใจจากผู้อ่านกันพอสมควร โดยมีผู้อ่านจำนวนหนึ่งได้สอบถามเข้ามายังกองบรรณาธิการ ซึ่งหนึ่งในคำถามยอดฮิตก็คือ แล้วขั้นตอนการใช้เครื่องมือดังกล่าวเป็นอย่างไร? ใช้ได้แล้วหรือยัง? คำตอบคือ YouTube เปิดให้สมาชิกใช้งานได้แล้ว โดยมีขั้นตอนการทำหน้า"เบลอ"โดยอัตโนมัติมีดังนี้

1. ล็อกอินบัญชีผู้ใช้ YouTube ของคุณ
2. คลิกลิงค์ชื่อผู้ใช้ (username) ที่อยู่บริเวณมุมบนขวา เลือกคำสั่ง Video Manager
3. คลิกปุ่ม Edit ของคลิปวิดีโอที่ต้องการใส่ "เบลอ" ให้กับหน้าคนในคลิป
4. เมื่อเข้าสู่หน้าแก้ไขวิดีโอให้คลิกเมนู Enhancements ที่อยู่ด้านบน
5. ในหน้าแก้ไขปรับปรุงวิดีโอจะเปิดคลิปเป็น 2 ช่องพร้อมกัน คือ คลิปต้นฉบับ (original) และพรีวิวคลิปที่ปรับแต่งแก้ไข (Quick Preview) สังเกตที่ด้านล่างของคลิป ให้คลิกปุ่ม Additional features



6. รายละเอียดของฟีเจอร์ Blur All Faces จะโผล่ขึ้นมา ให้คลิกปุ่ม Apply ที่อยู่ด้านล่าง
7. สังเกตผลลัพธ์ของการทำเบลอหน้าคนในหน้าต่าง Quick Preview หากพอใจในผลลัพธ์ที่ได้ คลิกปุ่ม Save As เป็นอันเรียบร้อย

          ไม่ยากเกินไปนะครับ สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจวิธีทำ "เบลอ" ใบหน้าคนในคลิปโดยอัตโนมัติของ YouTube อ้อ..ลืมบอกไป YouTube จะมีตัวเลือกให้ลบคลิปต้นฉบับทิ้งให้ด้วยนะครับ เพื่อช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของคนในคลิปให้ปลอดภัยที่สุดในนั่นเอง :D

ที่มาจาก: http://www.arip.co.th/tips/415374/

ส่งสินค้าออกต้องทำอย่างไรบ้าง !!!

ส่งสินค้าออกต้องทำอย่างไรบ้าง !!!

     ชื่อว่าธุรกิจของหลายท่านที่เริ่มโกอินเตอร์อาจจะมีลูกค้าต้องการสั่ง สินค้าไปลองขายหรือท่านหาลูกค้าได้แล้วลูกค้าอยากลองสั่งไปเป็น Trial order แน่นอนที่สุดว่าหากคู่ค้าที่สั่งสินค้าเป็นบริษัทใหญ่และนำเข้าสินค้ามาเป็น เวลานาน สินค้าส่วนใหญ่ที่จะส่งออกจะต้องมีการระบุวิธีการแพ็คในหีบห่อที่เป็น มาตรฐานของเขาอยู่แล้ว เพื่อให้สะดวกในการนำไปจัดจำหน่าย เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือเพื่อให้สินค้าไปถึงปลายทางอย่างปลอดภัยไม่มี สินค้าแตก หัก ชำรุด

     ดังที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นหากลูกค้าหรือเราได้ทำการตกลงรายละเอียดไว้ เรียบ ร้อยแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร ท่านก็แค่ปฏิบัติตามที่ได้ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัดแต่หากไม่ได้ตกลงกันไว้ อาจเป็นเพราะใหม่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในเรื่องพาเลทที่จะวางสินค้าจะเลือกพาเลทอย่างไรให้สะดวก ประหยัด และที่สำคัญที่สุด คือความปลอดภัย

หลักง่ายๆในการเลือกพาเลท
 1. อย่างแรกคือในประเทศที่เราจะส่งสินค้าไปนั้นมีการบังคับใช้ ISPM15หรือที่เรียกกันติดปากว่า IPPCไหม?
 - ศึกษาเรื่องกฎใหม่ลังไปนอก? คลิกได้ที่นี่
 - ตรวจเช็ครายชื่อประเทศที่บังคับใช้ ISPM15 , IPPC? คลิกได้ที่นี่
 - ต้องทำความเข้าใจกับISPM15และIPPC ให้เข้าใจ

2. สำหรับสินค้าที่อยู่ในกล่องหรือหีบห่อที่เป็นทรงเรขาคณิต
    เช่น กล่องสี่เหลี่ยม ทรงกระบอก ฯลฯ ที่สามารถวางเรียงกันได้ง่ายๆ บนพาเลท เวลาเรียงสินค้าบนพาเลทเพื่อใส่ตู้คอนเทนเนอร์ ต้องให้กล่องหรือสินค้าที่อยู่ด้านล่างสุดสามารถรับน้ำหนักของสินค้าที่อยู่ด้านบนสุดได้ เพื่อป้องกันไม่ให้กล่องบุบ บี้ แบนเพราะสินค้าส่วนใหญ่จะต้องมีการขนย้ายหรือขายต่อไป หากกล่องที่เราส่งไปมีความเสียหายแน่นอนที่สุดว่าต้องมีใครเดือดร้อนแน่ๆซึ่งก็คงไม่พ้นเราๆท่านๆที่เป็นผู้ส่งสินค้าไปนั่นเอง

3. เรื่องต่อมาก็คือในกรณีที่สินค้าบรรจุในคอนเทนเนอร์
   ขนาดของพาเลทต้องสัมพันธ์กับขนาดของตู้คอนเทนเนอร์โดยทั่วๆไปในวงการต่างๆจะมีขนาดที่แตกต่างกัน เช่นวงการอีเลคโทรนิคส์จะนิยมใช้ขนาด 1100 x 1100 มม.หากเป็นการส่งออกไปยุโรปจะนิยมใช้พาเลท EURO( EPAL Pallet)ในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่จะนิยมขนาด1000×1200 มม.

ปัญหาที่ตามมาติดๆก็คือ หากลูกค้าไม่ได้กำหนดไว้ล่ะ?
 ถ้าสินค้าเข้าตู้และมีจำนวนไม่มากคือไม่เต็มตู้ให้ใช้ขนาด 1100 x 1100 มม.
 - ส่งสินค้าไปยุโรปให้เลือกใช้ EURO Pallet (EPAL Pallet)
 - ส่งสินค้าไปที่อื่นๆให้ใช้พาเลท 1100 x 1100 มม.

4. ส่งออกไปประเทศไหนบ้างที่ต้องระวังในเรื่องพาเลท?
    ข้อนี้บรรดาผู้ส่งออกรู้ดีเกือบทุกรายออสเตรเลียครับวิธีการส่งออกไปออสเตรเลียนี้นประเด็นสำคัญอยู่ที่ไม้ที่จะใช้ทำพาเลทจะต้องไม่มี รา เห็ด และ ลายดำๆบนไม้เด็ดขาดเพราะหน่วยงานที่ดูแลเรื่องQuarantineที่โน่นเขาเอาจริง

    ดังนั้น หากท่านต้องการส่งออกไปออสเตรเลีย ควรหาSupplierพาเลทที่ไว้ใจได้เท่านั้น

ที่มาจาก:http://palletplus.info/

เทคนิคการเขียนแผนการตลาดที่ดี


กลยุทธ์ทางการตลาด มีความต่อเนื่องมาจากการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลหรือเรียกว่าการทำวิจัยตลาด การกำหนดยุทธ์ทางการตลาดเป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับกับทำธุรกิจให้มีความชัดเจนขึ้นมากขึ้น และเป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับตัวสินค้า กลุ่มเป้าหมาย วิธีการขาย การประชาสัมพันธ์ ดังนั้นจึงต้องวางแผนการทางการตลาด หนึ่งในนั้นคือ เทคนิคการเขียนแผนการตลาดนั่นเอง

1.ความหมายของการตลาด
การดำเนินกิจการทางธุรกิจจำเป็นต้องคิดล่วงหน้าไว้ ถ้ากล่าวถึงเรื่องแผนการตลาด คือ แผนเพื่อหารายได้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น เปิดร้านต้องมีแผนในการขายของหน้าร้าน ถ้าผลิตสินค้าส่งไปขายนอกร้านให้ผู้แทนจำหน่ายไปขายก็คือแผนการจัดจำหน่าย คำว่า “การตลาด” ตามที่ผู้ประกอบการ เคยได้ยินตามปกติ แต่จริง ๆ แล้วมีความหมายพิเศษหลายมิติคือ

การตลาดในมิติที่ 1 คือ การซื้อ การขาย การไปตลาดเพื่อไปซื้อไปขายสินค้า ในฐานะผู้ประกอบการ หรือในฐานะผู้บริโภคก็ตาม

การตลาดในมิติที่ 2 คือ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์เพื่อทำให้มวลชนเข้าใจว่าเรามีสินค้าอะไรบ้าง สามารถหาซื้อได้ที่ไหน อย่างไร เป็นการตลาดเชิงระบบที่ประกอบด้วยการสื่อสารเพื่อทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักและสร้างความต้องการของผู้บริโภค

การตลาดในมิติที่ 3 คือ นอกจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์แล้ว นักธุรกิจจำเป็นต้องการขนส่งสินค้าไปยังสถานที่ผู้บริโภค ซื้อหากัน หรือจัดส่งถึงที่ทำงาน หรือที่บ้าน

ผู้ประกอบการจำเป็นต้องคิดให้เพียงพอและครอบคลุม เช่น ถ้าเป็นผู้ประกอบการรายเล็กก็ไม่ต้องคิดซึ้งมาก เช่น อาจจะคิดแค่ว่าการตลาด ที่เกี่ยวกับการขายของหน้าร้าน การโฆษณา ประชาสัมพันธ์การออกร้านขายของบ้าง การใช้ใบปลิวโฆษณา การส่งสินค้าตรงตามที่กำหนด เก็บเงินให้ได้ ก็ถือว่าครบตามกระบวนการทั่วไปของการตลาด

2.ขั้นตอนการวางแผนทางการตลาด
การวางแผนทางการมี 4 ขั้นตอนด้วยกัน

2.1 การกำหนดวิสัยทัศน์
การที่ต้องนึกก่อนว่าอีก 3-4 ปีข้างหน้า ร้านเราจะเป็นร้านที่ใหญ่ ขนาดใหญ่ เช่น ถ้าสมมุติว่าเราเป็นร้านอาหาร อีก 3 ปีข้างหน้า และก็เป็นร้านที่ดังที่สุดในตำบลนี้ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเรามีเป้าแล้วเราก็จะยินคำว่า Vision ซึ่งแปลว่า วิสัยทัศน์ ส่วน Mission คือ พันธกิจ หมายความว่า จะทำให้ถึงตรงนั้นได้อย่างไร พูดง่าย ๆ ก็คือว่าเราต้องมีวัตถุประสงค์ว่าร้านเราตั้งขึ้นมาทำไม

2.2 การกำหนดยุทธศสตร์
การวางแผนทางการตลาดต้องมีแนวทางในการให้ไปถึงเป้าให้ได้ เรียกว่ายุทธศสตร์หรือกลยุทธก็ได้ โดยทั่วไปแล้วเราต้องมี ยุทธศาสตร์ เพื่อให้เกิดความมุ่งมั่น ความพยายามที่ได้รวมพลัง ไม่กระจัดกระจาย และมี กลยุทธเพื่อให้มีสมาธิในการประกอบการ เพื่อที่ให้ทีมงานมีความมุ่งมั่นไปในทิศทางเดียวกัน นั้นก็คือ การวางแผน

2.3 การกำหนดนโยบายธุรกิจ
ธุรกิจนี้ไม่ใช่แค่ว่าการตลาด แต่ยังมีการผลิต การเงิน การบริหารงานบุคคล นโยบายเป็นกติกาที่ทุกคนในองค์กรต้องปฎิบัติ สิ่งเหล่านี้เรียกว่า การวางแผนการตลาด โดยองค์รวม

3.ความสำคัญของแผนการทางการตลาด
ในการปฏิบัติอาจจะสูญเปล่าจากที่ไม่มีแผน หรือ การคิดล่วงหน้า ทำตามธรรมชาติ ข้อดีในการไม่มีแผน คือ ไม่มีความกดดัน ทางเลือกก็ไม่จำกัด แต่ก็มีข้อเสียมากมาย เช่น ถ้าไม่มีแบบแผนก็ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีการพัฒนาเพราะว่าทำตามธรรมชาติ

3.1 สามารถประเมินผลการปฎิบัติงานได้
การที่มีแผนงานจะทำให้เราสามารถประเมิน หรือ สามารถเปรียบเทียบ ทำถูกหรือทำผิดเป้าหมาย เมื่อมีการเปรียบเทียบก็จะทำให้มีการศึกษาว่า เราทำผิดหรือทำถูกเป้าหมาย และที่สำคัญคือการมีสถิติในการนำมาอ้างอิง

3.2 สร้างวัฒนธรรมเพื่อการเติบโตของกิจการ
แผนถ้าเริ่มตั้งแต่องค์กร หรือร้านขนาดเล็ก ข้อดี ก็จะเป็นการฝึกการทำงาน ไม่ใช่เป็นการรอให้องค์กรใหญ่แล้วค่อยทำ อันนั้นก็จะทำให้เสียเงินแพง แล้วก็มักจะทำให้ปรับปรุงวัฒธรรมและความเคยชินไม่ได้ค่อยได้

3.3 สามารถพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างการเติมโตของกิจการ
การวางแผนจะทำให้เกิดการสังเกตุผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นนำเอาข้อมูลทางการตลาดมาสนับสนุนการวางแผนและจะทำให้เกิดการพัฒนาขององค์กรพร้อมไปด้วย

4.เทคนิคสู่ความสำเร็จของแผนทางการตลาด

1. แผนการตลาดต้องสอดคล้องสัมพันธ์กับแผนธุรกิจ
แผนทางการตลาดจะต้องสอดคล้องกับแผนอื่น ๆ ด้วย เช่น แผนการผลิตสินค้า แผนการเงินต้องมีความสอดคล้องสัมพันธ์กัน เพื่อความมีประสิทธิภาพ ในการนำไปปฎิบัติ

2. แผนการตลาดต้องเข้าใจง่ายสำหรับพนักงานทุกระดับ
การเขียนแผนการตลาด จะต้องทำให้พนักงานเข้าใจคำว่าให้ดีที่สุดของเราแค่ไหน แต่ถ้าบอกพนักงานว่าปีนี้เราจะโต 20 % เราก็ต้องรู้เราต้องเก่งกว่า ปีที่แล้วเท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจน เมื่อทำงานกับคนหมู่มาก หรือการทำงานเป็นทีม เราจะต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร จำเพาะเจาะจงเป็นตัวเลข ซึ่งเป็นเทคนิคของการเขียนแผนการตลาดที่เข้าใจง่าย

3. แผนการตลาดต้องเข้าให้ความสำคัญกับเรื่องบุคคลากร
บริษัทขนาดเล็กจะมีเรื่องคนเข้ามาเกี่ยวข้องมาก ซึงจะต้องให้มีแผนการฝึกอบรมเกี่ยวกับคนเช่นกัน ตั้งแต่การเลือกลูกจ้าง การพัฒนาบุคคลกรให้มีความรู้ ความสามารถเพื่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา


ที่มา:http://www.nanosoft.co.th/maktip29.htmv

การเขียนแผน การตลาด ที่ดีควรเริ่มต้นอย่างไร..?

          คงไม่มีผู้ประกอบการใด ไม่รู้จักแผนการตลาด หากแต่การเริ่มต้นเขียนแผนการตลาดนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสักทีเดียว เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจในธุรกิจให้ถ่องแท้เสียก่อน ก่อนที่จะเริ่มเขียนแผนการตลาด เพราะอย่างน้อยแผนการตลาดที่เขียนออกมาจะเป็นไปตามโครงสร้างธุรกิจที่ถูกต้องและใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด จากประสบการณ์ของผู้เขียน ได้มีข้อคิดที่อยากจะแนะนำผู้ประกอบการในธุรกิจ เอสเอ็มอีและผู้สนใจทั่วไปว่า การที่จะเขียนแผนการตลาดให้ออกมาแล้วดูดี และสามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้ อ่านแล้วสามารถเข้าใจได้ มีความสอดคล้องเป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินงานอย่างชัดเจน ผู้เขียนจึงอยากจะเสนอกฎของการเริ่มต้นก่อนเขียนแผนการตลาด มานำเสนอ ซึ่งมีทั้งหมด 10 ข้อ ที่จะนำเสนอดังนี้

     1.  ควรมีแรงบันดาลใจ เนื่องจากแรงบันดาลใจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการเขียนแผนการตลาด เพราะจะทำให้ผู้เขียนมีความรู้สึกถึงความต้องการ ความอยากที่จะสร้างโอกาสและนำเสนอแผนการต่างๆที่อยู่ในใจ ให้ออกมาอย่างมีรูปธรรมและสร้างสรรค์โอกาสในธุรกิจได้
    2.  ควรมีความมุ่งมั่น เพราะความมุ่งมั่นเป็นจุดที่จะทำให้การเขียนแผนการตลาดสำเร็จออกมาได้ เพราะหากขาดความมุ่งมั่นและให้ความใส่ใจน้อยเกินไปก็จะทำให้ไม่สามารถนำเสนอแผนการตลาดให้ออกมาดีและเหนือกว่าคู่แข่งขันได้ อย่าลืมว่าคู่แข่งขันในตลาดนั้นเขาก็ต้องใช้ความพยายามสูงสุดเช่นเดียวกับเรา เขาถึงอยู่รอดมาได้
    3.  ควรมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล เพราะการเขียนแผนการตลาดที่ดีนั้นหากไม่มีสายตาอันกว้างไกลแล้ว ก็จะไม่สามารถมองเห็นโอกาสในอนาคตได้ และจะทำให้ไม่สามารถนำเสนอแผนการตลาดที่ดีออกมาได้เช่นเดียวกัน เพราะการมีสายตาที่ยาวไกลเป็นหัวใจสำคัญของผู้ชนะในธุรกิจ
    4.  ควรมีจุดที่แตกต่าง เพราะการมีจุดประกายความคิดที่แตกต่างจะช่วยให้นำมาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ในด้านการวางแผนการตลาดได้เป็นอย่างดี การคิดให้แตกต่างไม่ใช่เรื่องง่ายแต่การไม่กลัวคิดยิ่งน่ากลัวกว่า ต้องถามตัวเองเสมอว่าเรามีจุดที่แตกต่างไปจากเขาอย่างไร และเหนือกว่าเขาด้านใดบ้าง และต้องไม่หลอกตัวเอง
    5.  ควรมีเวลาที่เหมาะสม เพราะการมีเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้ความคิดและการวางแผนงานเป็นไปอย่างมีระบบ ระเบียบ การหาข้อมูลที่เพียงพอ การวิเคราะห์คู่แข่งขันที่ชัดเจน รวมถึงการวางแผนงบประมาณ ควรต้องสอดคล้องกัน หากแต่การให้เวลาในการเขียนแผนการตลาดที่น้อยเกินไปจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดและมีผลกระทบต่อธุรกิจได้ในระยะยาว รวมถึงการเสียเวลาและงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์
    6.  ควรมีความเป็นไปได้ การเขียนแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพจะต้องสามารถปฎิบัติได้และมีความเป็นได้สูงที่จะสามารถปฎิบัติได้ตามแผนที่วางไว้ หากแต่การเขียนแผนการตลาดที่ซับซ้อนมากเกินไปอาจทำให้การปฎิบัติตามแผนการตลาดผิดพลาดได้ง่าย ด้วยเงื่อนไขของเวลา เรื่องงบประมาณและตัวบุคลากร นั่นหมายถึงต้องวิเคราะห์โอกาสและข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วยเพื่อนำแผนรองรับมาปรับใช้ หากไม่เป็นไปตามแผน
    7.  ควรมีความคิดเห็นร่วมกัน เพราะการเขียนแผนการตลาดที่ดี ไม่ใช่เกิดจากผู้เป็นเจ้าของธุรกิจหรือผู้ที่รับหน้าที่ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว แต่จะต้องได้รับความร่วมมือ จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งองค์กรที่มีบทบาทสำคัญ ตั้งแต่ระดับล่วงไปจนถึงระดับบนและจะต้องเป็นแผนการตลาดที่เกิดจากข้อสรุปร่วมกัน และมีการยอมรับในแผนการตลาดที่ออกมาอย่างไม่มีเงื่อนไข
    8.  ควรมีความสอดคล้องกับธุรกิจ เพราะการเขียนแผนการตลาดที่มีความสอดคล้องกับธุรกิจจะทำให้ธุรกิจได้ประโยชน์มากที่สุดโดยไม่คิดในมุมมองที่แตกต่างมากเกินไปหรือคิดนอกกรอบมากเกินไปซึ่งอาจจะทำให้ไม่สามารถตอบสนองหรือสอดคล้องไปกับธุรกิจได้ เช่น การสร้างกรอบของกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป เป็นต้น
   9. ควรมีความกล้า เพราะความกล้าเป็นหัวใจสำคัญของการเขียนแผนการตลาดที่แตกต่างและเหนือกว่าคู่แข่งชันได้ ความกล้าจะต้องเป็นความกล้าที่เกิดจากความคิดที่มีสติ กล้าคิด กล้าวางแผน กล้าที่จะทำ เพราะส่วนใหญ่ที่แผนการตลาดเกิดจากความคิดที่ดี แต่เวลานำมาปฎิบัติไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเปลี่ยนแผนกลางคันหรือไม่กว้าเสี่ยง ความกล้าจึงเป็นการตอกย้ำให้เกิดความมั่นใจในการเขียนแผนการตลาด และกล้ายอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้
   10. ควรมีงบประมาณที่พอเพียง การเขียนแผนการตลาดที่ดีจะต้องคำนึงถึงงบประมาณที่เหมาะสม และจะต้องตระหนักเสมอว่าการนำเสนอแผนการตลาดที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องสอดคล้องไปกับงบประมาณที่วางไว้ และสามารถวางแผนการตลาดให้สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณรวมถึงสามารถทำเกิดประโยชน์จากการวางแผนมากที่สุด การเขียนแผนการตลาดและการวางแผนการตลาดที่ดี ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณที่มากและจะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่การใช้งบประมาณที่ฉลาด มีโอกาสประสบความสำเร็จยิ่งกว่า เช่น มีคำกล่าวที่ว่า คนจะสำเร็จได้มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เงิน แต่มันขึ้นอยู่ที่การรู้จักใช้เงิน นั้นคือคนที่จะทำอะไรแล้วมักจะได้มากกว่าเสีย

      ผู้บริหารที่เก่งและเคยสำเร็จมาแล้ว ยังคงคิดถึงแต่ความสำเร็จที่เคยทำมา แต่ลืมคิดไปว่าความสำเร็จนั้นไม่มีที่หนึ่ง เพราะวันนี้หรือพรุ่งนี้คุณมีโอกาสล้มเหลวได้เสมอ เป็นคำสอนให้คิดเสมอว่า อย่างทนงตัว อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง เหนือฟ้ายังมีฟ้า ยังใช้ได้เสมอ ความคิดของคนโง่ๆ คนหนึ่งมันอาจจะเป็นทางออกของชีวิตของคุณที่คุณหาคำตอบมาทั้งชีวิต ก็เป็นได้

      และนี่คือมุมมองของผู้เขียนที่อยากจะนำเสนอเพื่อต้องการให้ผู้ประกอบธุรกิจ เอสเอ็มอี หรือผู้สนใจทั่วไปได้เข้าใจและมีมุมมองที่แตกต่างออกไป ประกอบกับหลักวิชาการอื่นๆ เพื่อนำมาประมวลความคิด ก่อนที่จะเริ่มต้นเขียนแผนการตลาด เหมือนดังประโยคทอง ที่เป็นข้อสรุปของ คอตเลอร์ มีอยู่ 3 ข้อ คือ
1. ต้องทำให้โดนใจ
2. ต้องแตกต่าง
3. ต้องสร้างการรับรู้ได้ทันที
     เป็นการทำตลาดแบบไม่ต้องทำตลาด ซึ่งดังคำที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น แต่การทำความพยายามให้สำเร็จนั้นยิ่งยากกว่า

ขอขอบคุณ www.smesplannet.com

เปิดหน้าจอส่องดู"ชิ้นส่วน"ใน iPhone 5

      จากรายงานข่าวทีกันออกมาระบุตรงกันว่า ยิ่งมีข่าวลือเกียวกับ iPhone 5 และ iPad mini ออกมาเท่าไร มูลค่าหุ้นของ Apple ยิ่งดีดตัวสูงขึ้นเท่านั้น ทั้งยอดขายที่ทายทักว่ามันจะทะลักทะเลิด จนถึงราคาหุ้น แต่ล่าสุดก็ยังมีภาพหลุดออกมาให้ได้เห็นกันอีกจนได้สินะ - -"
เมื่อวานนี้ ทางกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip เพิ่งจะได้นำเสนอข่าวภาพหลุดของจอแสดงผล iPhone 5 ที่ทำให้เห็นดีไซน์ของตัวเครื่องชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีภาพของวงจร และชิ้นส่วนที่อยู่ภายในให้ได้เห็นกันชัดเจนนัก ซึ่งภาพที่มีการนำเสนอบนเว็บจากนี้ไป ถ้าเป็นของจริง น่าจะเป็นชิ้นส่วนที่ถ่ายจากโรงงานประกอบ เพราะ Apple คงต้องเร่งเครื่องผลิตเต็มกำลัง เพื่อให้สมกับที่ตลาดรอคอย ซึ่งภาพของชิ้นส่วนที่หลุดออกมาล่าสุดนี้ แหล่งข่าวที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการซ่อมแซมสมาร์ทโฟน (โดยเฉพาะ iPhone) ถึงกับออกปากว่า มันมีการจัดวางของชิ้นส่วนภายในได้อย่างลงตัวมากๆ ทีเดียว



        เว็บไซต์ iResQ ได้เผยแพร่ภาพที่อ้างว่าเป็น iPhone 5 โดยเป็นด้านในของตัวเครื่อง หลังจากที่โชว์จอแสดงผลกันไปแล้ว ซึ่งจากชิ้นส่วนที่สังเกตเห็นค่อนข้างชัดเจนว่า ด็อคกิ้งขนาดเล็กทีอยู่ตรงกลางจะได้รับการยึดติดอย่างแน่นหนาด้วยสกรูถึง 4 ตัว ถัดไปด้านซ้ายจะเป็นช่องเสียบหูฟังที่ล็อคด้วยกรอบที่แข็งแรง ส่วนวงจรการทำงานหลัก ตลอดจนโพรเซสเซอร์ถูกปิดทับด้วยส่วนที่เป็นแผ่นโลหะบางอีกทีหนึ่ง ไม่ว่าภาพถ่ายทีเห็นนี้จะเป็นจริง หรือไม่ก็ตาม ซึ่งนอกจากมันจะช่วยผลักดันให้ราคาของหุ้น Apple สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์แล้ว มันยังทำให้เหล่าเว็บไซต์ที่เผยภาพเหล่านี้ได้รับความนิยม และเป็นทีรู้จักกันมากขึ้นด้วย อีกไม่ถึงเดือน เราก็จะได้เห็นกันแล้ว ข่าวลือไหนบ้างที่เป็นเรื่ืองหลอก และมันจะมีสักชิ้นใหมที่เป็นจริง นอกจากข่าวภาพหลุดของ iPhone 5 แล้วยังมีรายงานอีกด้วยว่า Apple สั่งให้โรงงานเตรียมกำลังการผลิต เพื่อทำ iPad mini ให้ได้มากถึง 4 ล้านเครื่องต่อเดือนอีกด้วย

วิธีแชร์อินเตอร์เน็ต Wi-Fi, 3G บน iPad,iPhone ให้ PC



PDANet เป็นแอพพลิเคชั่นจาก Cydia ที่สามารถทำให้ iPad, iPhone สามารถแชร์ internet 3G, Wi-Fi ให้กับ Computer โดยผ่านทางสาย USB หรือจะทำตัวเองให้เป็น Wi-Fi Hotspot ก็สามารถทำได้ เรามาทราบถึงวิธีการทำงานของ PDANet แถมด้วย PDANet Crack ดาว์นโหลดและติดตั้งแบบ Full Version ฟรี

สิ่งที่ต้องเตรียม- iPhone, iPad
- Jailbreak เรียบร้อยแล้ว
- ติดตั้ง Source: http://Cydia.xsellize.com + ดูวิธีการใช้ Cydia ได้ที่นี่

ตัวอย่างนี้เป็นวิธีการแชร์ internet จาก iPad ให้กับ Computer หรือ Notebook ผ่านสาย USB ด้วยฟังก์ชั่น USB Tether เริ่มกันเลยครับ

STEP1: เปิด Cydia และทำการค้นหา PDANet จาก Source: http://Cydia.xsellize.com จากนั้นทำการ install เรียบร้อยแล้วก็ Restart SpringBoard ตามพิธีหนึ่งครั้ง


STEP2: เปิด PDANet ขึ้นมาดูด้านล่างจะพบว่า มีปุ่ม Register เนื่องจากยังเป็น Free version ให้ทดลองเท่านั้น สำรับใครที่ต้องการตัว Crack ทำตามได้เลยครับ


CRACK PDANet FULL VERSION
วิธี Crack PDANet ให้สามารถใช้งานได้ฟรี : iTallnews

เปิดเวปไซต์ http://k.xsellize.com/license/ จาก iPad หรือ Computer จากนั้นเลือก PDANet 5.x ใส่ Email ที่ต้องการจะลงทะเบียนลงไป และกด Generate



เราก็จะได้ Serial เพื่อทำการลงทะเบียนเพื่อ Crack PDANet แล้วหละครับ



เปิด PDANet ขึ้นมากด Register นำ Email และ Serail ที่ได้มาใส่ลงไป แล้วกด Register เท่านั้น PDANet ก็จะทำงานแบบ Full Version แล้วหละครับ



STEP3: WiFi HotSpot ฟังก์ชั่นนี้ ใช้งานได้บน iPhone (จากการทดสอบบน iPad ไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นนี้ได้ เดี๋ยว iPad ไปใช้สาย USB ในการแชร์ internet กันครับ) ปรับ WiFi HotSpot ให้เป็น ON


ใส่ SSID ที่จะใช้เป็นชื่อ WiFi HotSpot จากนั้น WEP คือ Password ตั้งตามต้องการได้เลย ปรับ Time Out เป็น Never แล้วเลือก Activate ได้เลย ทดลองด้วยการใช้ Computer Notebook สแกนหา Wi-Fi ก็จะพบชื่อ HotSpot iTAllNews.com ที่เราได้ทำการสร้างไว้ใส่ Password แล้วใช้งานได้เลย เท่านี้เราก็สามารถจะแชร์ intenet 3G ให้กับ Computer Notebook ได้แล้ว




วิธีทำให้ iPad แชร์ 3G ให้กับ Computer Notebook ผ่านสาย USB

ก่อนอื่นทำการเปิด Computer หรือ Notebook ขึ้นมาจากนั้นทำการติดตั้ง PdaNet Desktop ลงคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คให้เรียบร้อย
Download PdaNet Desktop for 32 bit Windows 7/XP/Vista
Download PdaNet Desktop for 64 bit Vista/Windows 7
Download PdaNet Desktop for Mac

เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีไอคอน PDANet Desktop อยู่ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ


ไปที่ PDANet บน iPad เลือก USB Tether ปรับเป็น On (เปิด 3G บน iPad ต่อ internet ให้เรียบร้อยด้วย)



ต่อสาย USB Sync Data ระหว่าง iPad และ PC เข้าด้วยกัน คลิ๊กขวาที่ PDANet Desktop เลือก Connect


สำเร็จแล้ว PDANet Connected เปิด Website เพื่อทดสอบการใช้งาน internet บน Computer ได้เลยครับ


บนหน้าจอ iPad จะแสดงถึงการใช้งาน การรับส่ง Data ว่าใช้ไปเท่าไรแล้วด้วยละครับ



PDANet นับว่าเป็น Cydia App ที่จะต้องหามาไว้ติดเครื่องเลยละครับ มีรูปแบบการใช้งานที่ง่ายดาย ทั้งสะดวกต่อการใช้งาน เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถแชร์ internet หรือ 3G จาก iPad, iPhone ของเราให้กับ Computer Notebook ได้แล้ว
ที่มาจาก: http://www.itallnews.com/

เปิดร้านค้าออนไลน์กับเว็บไซต์ไหนดี(ต่อ)

ก่อนหน้านี้ได้เคยอธิบายเกี่ยวกับการเปิดร้านค้าออนไลน์กับ weloveshopping มาวันนี้จะมาอธิบายเกี่ยวกับการเปิดร้านค้าออนไลน์กับ Tarad.com ไม่พูดพร่ำทำเพลงไปบรรเลงกันเลยดีกว่าค่ะ
ที่เว็บไซต์ Tarad.com นั้น จะมีการเปิดร้านแบบซื้อ Package ซึ่งราคาค่อนข้างสูงมากเลย

ค่าธรรมเนียนการให้บริการอยู่ที่
Premium Small Packgae 12 เดือน ราคา 15,900 บาท
Premium Small Packgae 6 เดือน ราคา 8,900 บาท
ซึ่งหากมี Order การสั่งซื้อ ค่าสินค้าจะอยู่ที่เว็บไซต์ Tarad.com และเมื่อลูกค้าแจ้งได้รับสินค้า
ทาง Tarad.com ก็จะโอนเงินค่าสินค้าให้กับเรา โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- โดยเงินที่จะส่งคืนให้จะคิดจากวันที่1 - 15 ของเดือน จะโอนวันที่1 ของเดือนถัดไป
- โดยเงินที่จะส่งคืนให้จะคิดจากวันที่16-31 ของเดือน จะโอนวันที่ 16ของเดือนถัดไป

นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียนของช่องทางการชำระเงินที่ทาง Tarad.com จะโอนให้กับเราอีก
ค่าธรรมเนียมช่องทางการชำระเงิน
ช่องทางการชำระเงิน
ค่าธรรมเนียมผ่านระบบ TARADPay
(1) Credit Card , Paysabuy 2.5% ต่อรายการ
(2) ผ่อนชำระบัตรเครดิต 2% ต่อรายการ
(3) Paypal 4% ต่อรายการ
(4) Counter service ฟรี
(5) Mpay ฟรี
(6) โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ฟรี

ก็อย่างที่บอกน่ะค่ะ Khonoffice ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเว็บไซต์ และก็ไม่ได้เปิดร้านค้าออนไลน์กับทั้ง 2 เว็บไซต์ด้วยค่ะ

แต่ Khonoffice มาทำด้วยตัวเอง ค่อยเป็นค่อยไป ลงทุนทีละนิด แล้วแต่กำไรที่พึ่งมีค่ะ ยังไงพ่อค้าแม่ขายก็อดทนสู้กันต่อไปน่ะค่ะ

Khonoffice เปิดร้านค้าออนไลน์แล้วค่ะ


หลังจากที่ศึกษาเรื่องการเปิดร้านค้าออนไลน์มานาน ตอนนี้ Khonoffice ได้ทำการเปิดร้านค้าออนไลน์แล้วค่ะ ตอนนี้เปิดร้านไว้ 2 ร้านค่ะ
อันแรกเป็นเว็บไซต์ www.sawasdeekorea.com เป็นเว็บเกี่ยวกับขายสินค้าเกาหลี สินค้าเกาหลีแท้ ๆ ส่งตรงจากเกาหลี สินค้าอยู่เกาหลี มาเพื่อคุณทุกท่านที่หลงไหล K-Pop เป็นชีวิตจิตใจ สไตล์เกาหลีแน่นอน ไม่มีเปลี่ยน Packaging แน่นอน ยังไงเพื่อน ๆ ลองเข้าไปอุดหนุนได้น่ะค่ะ สินค้าที่เราเลือกส่วนใหญ่เป็นเกรด A และ เกรด B ไม่มีต่ำไปกว่านี้แน่นอนค่ะ


อีกเว็บไซต์หนึ่ง คือ www.healthybeautydd.com เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับสุขภาพความงาม สินค้าที่มีคุณภาพ สินค้าไทยยอดนิยม สินค้า OTOP เราต้องการสนับสนุนสินค้าไทยให้ก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกี่ยวกับ การดูแลผิวหน้า การดูแลผิวกาย เส้นผม หรือจะเป็นอาหารเสริม
โปรดติดตามโปรโมชั่นเราได้เร็ว ๆ นี่ค่ะ

เพิ่งถอย"แท็บเล็ต" ช่วยแนะนำวิธีดูแลให้อยู่นานๆ


กระแสแท็บเล็ตยังคงแรงต่อเนื่อง ไม่เฉพาะผู้นำอย่าง iPad เท่านั้น แต่รวมถึง"แท็บเล็ต"สายพันธุ์ Android ที่ผู้ใช้ให้ความสนใจ แม้กระทั่งเด็กป.1 ยังจะมีโอกาสได้ใช้แท็บเล็ตพวกนี้ด้วยเหมือนกัน ประเด็นคือ แล้วเราจะดูแลมันอย่างไร เพื่อให้ใช้ได้นานที่สุด คำแนะนำง่ายๆ ต่อไปนี้ น่าจะช่วยคุณได้นะครับ

ข่าวดีสำหรับผู้ใช้แท็บเล็ตก็คือ มันไม่ต้องการดูแลเท่ากับคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีรอบการดูแลบำรุงรักษาให้มันมีประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็ว และแข็งแรงอยู่เสมอ เนื่องจากแท็บเล็ตใช้หน่วยความจำแฟลช ในขณะที่โน้ตบุ๊ก และคอมพิวเตอร์ใช้ฮาร์ดดิสก์ ซึ่งต้องมีการจัดระเบียบข้อมูลอยู่เป็นประจำ หากไม่ดูแลจัดการเรื่องนี้ เมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ ระบบการทำงานจะช้าลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการบนแท็บเล็ตส่วนใหญ่จะจัดการล้างไฟล์ชั่วคราวออกจากสตอเรจเองโดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ใช้เองยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ผู้ใช้ควรดูแลเรื่องอะไรบ้าง? เพื่อให้แท็บเล็ตอยู่กับเรานานๆ และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำแนะนำมีดังนี้ครับ


ลบแอพพลิเคชันที่ไม่ใช้ออกไป: แม้แอพพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว จะไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วในการทำงานของแท็บเล็ตโดยตรง แต่พวกมันทำให้พื้นที่ของสตอเรจลดลง ดังนั้นหากคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip พบว่า แอพฯ บางตัวบนแท็บเล็ตไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้อีกต่อไปแล้ว แนะนำให้ถอดถอนการติดตั้ง (uninstall) ออกไปจากเครื่องซะจะดีกว่าครับ


ทำความสะอาดเครื่อง: หน้าจอสัมผัสที่เป็นกระจกแก้วสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดายด้วยผ้าเช็ดไมโครไฟเบอร์ และน้ำยาเข็ดหน้าจอ LCD นอกจากนี้ คุณต้องไม่ลืมส่วนทีมักจะถูกละเลยในการทำความสะอาดอยู่เป็นประจำอย่างเช่น พอร์ตเชื่อมต่อ ด็อคกิ้ง และช่องเสียบหูฟัง การใช้แปรงทำความสะอาดที่พ่นลมออกมาได้จะเป็นแบบสเปรย์ หรือลูกยางที่ใช้บีบก็ได้ ด้วยวิธีนี้มันจะช่วยเป่าสิ่งสกปรก หรือเศษฝุ่นชิ้นเล็กๆ ที่ติดอยู่ในพอร์ตให้หลุดออกมาได้ นอกจากนี้ คุณอาจจะใช้เทปใสในการกำจัดคราบ หรือสิ่งสกปรกที่อยู่รอบๆ ปุ่มต่างๆ ของแท็บเล็ตได้อีกด้วย


อย่าปล่อยให้แบตฯ หมดโดยไม่ถูกชาร์จนานเกินไป: แบตเตอรี่ทีใช้ในแท็บเล็ตส่วนใหญ่จะเสื่อมประสิทธิภาพได้หากปล่อยให้มันมีระดับของประจุไฟฟ้าทีอยู่ภายในต่ำเกินไป หากคุณมีโอกาสที่จะไม่ได้ใช้แท็บเล็ตเป็นเวลานาน ควรจะแน่ใจว่า มันมีแบตฯ อยู่อย่างน้อย 50% ตอนที่ปิดเครื่อง (turn off ไม่ใช่ standby นะครับ)



สำหรับแท็บเล็ต Android ควรจะต้อง... : ระวังเรื่องเกี่ยวกับการติด"มัลแวร์" และ "ไวรัส" ให้มากๆ ดังนั้น ผู้ใช้แท็บเล็ตแอนดรอยด์ควรจะติดตั้ง และรันแอพพลิเคชันสแกนไวรัสไว้ในเครื่องด้วย ตัวเลือกสำหรับคนชอบของฟรีที่นิยมใช้กันพอสมควรก็จะมี AVG Antivirus Free for Android ดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store.

หวังว่า คำแนะนำข้างต้นคงจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านเว็บไซต์ arip ทีใช้แท็บเล็ตกันถ้วนหน้า ขอให้ทุกท่านโชคดี และมีความสุขสนุกกับการใช้แท็บเล็ตกันไปได้อีกนานๆ นะครับ แล้วพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการครับ :D

ที่มาจาก: http://www.arip.co.th/

iPhone 5,iPad mini เปิตดัว 12 ก.ย. นี้


รายงานข่าวล่าสุดที่อ้างว่า มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เพราะเคยให้ข่าวได้อย่างถูกต้องแล้วก่อนหน้านี้ระบุ แอปเปิ้ล (Apple) จะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ (iPhone 5 ?) ตามด้วยไอแพด มินิ (iPad mini) ในวันที่ 12 กันยายน 2012 ซึ่งหลังจากมีรายงานข่าวออกมาหุ้นแอปเปิ้ลก็พุ่งขึ้นทันที
Rene Ritchie จาก iMore อ้างว่า เขาได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวที่เคยให้ข้อมูลอย่างถูกต้องมาแล้วในอดีตว่า ทั้ง iPhone 5 และ iPad mini จะประกาศเปิดตัวในวันที่ 12 กันยายน แต่จะมีเพียงไอโฟนเท่านั้นที่เริ่มวางตลาดหลังจากนั้น 9 วัน หรือวันที่ 21 กันยายน ส่วนไอแพดมินิยังไม่ได้มีการระบุกำหนดการวางตลาดที่ชัดเจนออกมา อย่างไรก็ดี ข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดเปิดตัวที่ Ritchie ได้ให้ข่าวมานั้น สอดคล้องกับข่าวลือที่ว่า iPhone 5 จะเปิดตัวในช่วงกันยายน และ iPad mini จะวางตลาดในช่วงวันหยุดปลายปี

สำหรับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ iPhone 5 โดยรวมจะคล้ายกับ iPhone 4S แต่จะบางกว่าเล็กน้อย และมีหน้าจอทีใหญ่ขึ้น เชื่อมต่อด้วย 4G LTE (เช่นเดียวกับ iPad รุ่นล่าสุด) พอร์ตด็อค 19 พินแทนที่จะเป็น 30 พินแบบทีใช้ใน iPhone, iPod touch และ iPad รุ่นปัจจุบัน ลาก่อนที่ชาร์จอันเก่า และเตรียมเงินไว้ซื้อพอร์ตอะแดปเตอร์ (ถ้ามีนะ :D) ส่วน iPad mini จะมีขนาด 7.8 นิ้ว จอแสดงผลปกติไม่ใช่ retina display และสนนราคาอยู่ที่ประมาณ 249.99 เหรียญฯ (7,500 บาท) เพื่อต่อสู้กับ Nexus 7 ของ Google ในส่วนของกำหนดการเปิดตัว แหล่งข่าวบางแห่งได้มีการเปิดเผยว่า แอปเปิ้ลมีกำหนดการจัดงานในช่วงวันที่ 12 กันยายน ด้วยเหมือนกัน

เปิดร้านค้าออนไลน์กับเว็บไซต์ไหนดี

มีคนสอบถามหลังไมค์ มายังคนออฟฟิศเยอะเหลือเกิ๊น ว่าถ้าเปิดร้านจะเปิดกับที่ไหนดี
แล้วเปิดที่ไหนถึงจะคุ้ม อันนี้ก็ตอบยากจริง ๆ น่ะ เปิดที่ไหนถึงจะคุ้ม เราต้องคำนวณ
ถึงจำนวนสินค้าที่เรามี และกำไรสินค้าต่อชิ้นเรานั้นอยู่ที่เท่าไหร่
การเปิดร้านค้า ไม่ใช่จะเปิดที่ไหนก็เปิดได้น่ะค่ะ เพราะบางที เราเปิดไปแล้วแต่ ต้นทุนไม่คุ้มกับกำไร
ดังนั้นวันนี้ Khonoffice ได้ทำการค้นหาข้อมูลมาให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกันค่ะ พิจารณาจะเปิดจากที่ไหน ก็ลองดูน่ะ
Khonoffice ไม่ได้มีส่วนได้ ส่วนเสียอะไรจากการนำข้อมูลเหล่านี้ทั้งนั้น ดังนั้นมาเริ่มกันเลย
1. เปิดร้านกับ weloveshopping.com
การเปิดร้านกับ weloveshopping.com คงไม่มีใครไม่รู้จักกันใช่ไหมค่ะ เป็นอีกนึงธุรกิจในเครือ True ที่เพิ่ง TakeOver มา
แล้วนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งเป็นไปได้อย่างสวยงามเลยทีเดียว
หลักการทำงานของ Weloveshopping
1. เราต้องสมัครสมาชิก เพื่อทำการเปิดร้านค้าออนไลน์
2. เลือก Package การเปิดร้าน ที่มีให้เลือกถึง 5 Package
- Free Package ฟรี จำนวนสินค้า 30 ชิ้น เหมาะสำหรับร้านเล็ก ๆ ที่ต้องเปิดร้านเพื่อทดลองขายสินค้า แต่มีข้อจำกัดอีกเยอะแยะมากมาย เช่น การทำการตลาด การทำ SEO ที่ยังไม่สนับสนุน ซึ่งเราต้องเพิ่มเงินในส่วนของการโฆษณาตรงนี้อีก
- Standard เสียค่าใช้จ่าย 400/ปี จำนวนสินค้า 50 ชิ้น เหมาะสำหรับร้านค้าที่กลาง ๆ
- Premium เสียค่าใช้จ่าย 700/6 เดือน 1,200/ปี จำนวนสินค้า 200 ชิ้น
- Exclusive มีให้เลือกหลายแบบ หลายราคา 1,000/6เดือน 1,800บาท/ปี ลงสินค้าได้ 100 ชิ้น แถมใช้ชื่อโดเมนเป็นของตนเองได้ด้วย
- Platinum 5,500 บาท/ปี ลงข้อมูลได้อย่างไม่จำกัด ใช้ชื่อโดเมนเป็นของตนเองได้ด้วย
3. ลูกค้าสามารถชำระเงินให้กับผู้ขายได้โดยตรง หรือจะชำระค่าสินค้าผ่านระบบ WeTrust โดยจะเสียค่าธรรมเนียม ประมาณ 4.75% ของยอดรายได้ ซึ่งระบบ WeTrust นี่ จะสร้างความเชื่อมั่นทางด้านผู้ซื้อและผู้ขายได้ว่า จะได้รับผู้ซื้อจะได้รับสินค้า และผู้ขายจะได้รับเงินค่าสินค้าแน่นอน
วันนี้เอาไปก่อนแคนี้แล้วกันน่ะค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะนำรายละเอียด อีก 2 เว็บคือ Tarad.com และ shopping.sanook.com มาให้พิจารณาอีกน่ะค่ะ ที่เว็บไซต์ weloveshopping เปิดไม่ยาก แต่ก็มีหลายคนที่เปิดแล้ว ก็ไม่เข้าไปทำอะไร ไม่ทำการตลาด แล้วจะขายสินค้าได้อย่างไร ยังไงลองวางแผนให้ดีก่อนน่ะ

กูเกิ้ลให้ใช้ลายมือแทนพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ด

แม้กูเกิ้ล (Google) บนอุปกรณ์โมบาย (ไอโฟน ไอแพด สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต แอนดรอยด์) จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถป้อนคำค้น (keywords) ด้วยการพิมพ์ผ่านคีย์บอร์ด หรือสั่งค้นด้วยเสียง (voice search) ได้แล้ว ล่าสุดทางบริษัทได้เพิ่มความง่ายในการป้อนคีย์เวิร์ดที่ใช้ในการค้นให้ง่ายขึ้นไปอีกด้วยการเพิ่มฟังก์ชัน Handwrite หรือการใช้นิ้ว หรือสไตลัส "เขียนคำค้นด้วยลายมือ" ได้อีกทางหนึ่ง...ว้าว!!!

ผู้ใช้ Google บนอุปกรณ์โมบายจะได้รับความสะดวกในการใช้งานยิ่งขึ้น เพราะเพียงแค่แตะปุ่มคำสั่งใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถป้อนคำค้นด้วยการเขียนด้วย "ลายมือ" ของตนเอง (ใช้สไตลัส หรือนิ้วก็ได้) แทนการพิมพ์ หรือสั่งด้วยเสียง ข้อมูลจากบล็อกของกูเกิ้ลระบุว่า การที่ผู้ใช้สามารถเขียนคำค้นที่ต้องการบนบริเวณไหนบนหน้าจอก็ได้เป็นเรื่องที่เยี่ยมมาก เนื่องจากไม่ต้องเสียพื้นที่ให้คีย์บอร์ดขึ้นมากินพื้นที่บนหน้าจอถึงครึ่งหนึ่ง และไม่ต้องคอยมองหาปุ่มที่ต้องการพิมพ์ อีกทั้งยังสะดวกกว่าการพิมพ์ในเวลาที่อยู่ในสถานที่ไม่เอื้ออำนวยให้พิมพ์ได้โดยง่าย แต่ด้วย Handwrite คุณสามารถใช้นิ้วเขียนคำค้นด้วยลายมือของคุณขึ้นไปบนหน้าจอได้เต็มๆ ช่างสะดวกง่ายดายจริงๆ

Handwrite มีความฉลาดในการแยกตัวอักษรจากคำที่เขียนในแบบตัวอักษรลากต่อเนื่องกันไป เพื่อวิเคราะห์ว่ามันหมายถึงคำว่าอะไรได้อีกด้วย แทนทีผู้ใช้จะต้องยกมือเขียนทีละตัวอักษร อย่างไรก็ตาม Handwrite คงไม่สามารถเข้ามาแทนที่การป้อนคำค้นด้วยคีย์บอร์ด หรือเสียง และมันคงไม่เหมาะกับทุกคน แต่มันเป็นลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาเท่านั้น เพราะคุณยังต้องแตะปุ่ม เพื่อวรรค และลบอยู่ดี สำหรับคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ที่สนใจอยากลองใช้ฟีเจอร์นี้ ให้ใช้อุปกรณ์โมบายเปิดบราวเซอร์แล้วคลิกเข้าไปที่ Google.com จากนั้นแตะปุ่ม Settings ที่ด้านล่าง เลือก Handwrite คลิก Save ที่ด้านล่างของหน้าเว็บ เพียงแค่นี้ก็สามารถใช้ฟังก์ชัน Handwrite ได้แล้ว เวลาใช้ให้แตะที่ตัวอักษร g ที่มุมล่างขวา ลองใช้ดูนะครับ อ้อ...เกือบลืมไป สำหรับสมาร์ทโฟนที่จะใช้ฟังก์ชันนี้ได้ต้องทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 5 หรือ Android 2.3 ขึ้นไป ส่วนแท็บเล็ตจะต้องเป็น iOS 5 หรือ Android 4.0 ICS
ที่มาจาก : http://www.arip.co.th/

แนะนำโปรแกรมทําเว็บขายของ


รูปแบบเว็บไซต์ ตัวอย่าง http://www.mart.bangameclub.com/

Opencart เป็นโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ขายของ ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดมาใช้กันแบบฟรีๆ โดยมีทีมงานคนไทยจาก siamopencart.com นำมาแปลประยุกต์ให้สามารถใช้กับระบบภาษาไทยได้


โมดูลเพียบ แค่คลิกๆๆๆ ก็ใช้งานได้ละ ง่ายดีทีเดียว...

เหมาะกับคนไทยมากๆ เพราะระบบการใช้งานเป็นภาษาไทยทั้งหมดทั้งหน้าร้านหลังร้านการใช้งานไม่ยุ่งยาก แถมยังมีโมดูลที่ทีมงานแจกมาอีกเพียบ หรือหากท่านที่ต้องการเพิ่มโมดูล มีปํญหาเกี่ยวกับการใช้งานก็จะมีเว็บบอร์ดสำหรับพูดคุย และการตอบปัญหาจากทีมงาน siamopencart โดยมีกติกาการใช้งานเพียงแค่ว่า : ห้ามลบลายเซ็นต์ผู้พัฒนาออกจากผู้พัฒนาระบบ siamopencart.com รวมทั้งลบลิ้งค์จากผู้พัฒนาระบบ เท่านั้น

มีคลิปสอนวิธีการติดตั้งด้วย เครดิตคลิปโดยคุณ athithac
นำมาฝากสำหรับเพื่อนสมาชิกที่กำลังมองหา CMS สำเร็จรูปเพื่อเปิดร้านค้าออนไลน์ นี่เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่น่าสนใจที่เดียว ลองดูครับ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดและดาวน์โหลด OpenCart เวอร์ชั่นภาษาไทยได้ที่ http://www.siamopencart.com/webboard/
ข้อมูลจาก: http://www.chaikhao.com
คนออฟฟิตหารายละเอียดมาให้หลายเรื่องแล้วน่ะค่ะ ต่อไปก็ลงลึกไปถึงโปรแกรมทำเว็บไซต์ขายสินค้าดูบ้าง ซึ่ง จริง ๆ แล้วมีโปรแกรมเยอะแยะมากมายที่ทำเว็บขายสินค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น Joomla ,Oscommerce ,Margento ฯลฯ เป็นต้น ทุกตตัวของ CMS เป็นที่นิยมแพร่หลาย ยังไงลองศึกษาดูน่ะค่ะ ทุกตัวก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกันไปค่ะ

การทำ Search Engine

1. การทำ Search Engine
ฟังเหมือนง่าย แต่ยากที่จะทำ แต่เป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้คนเข้าเว็บไซต์ของเราได้เยอะที่สุดและดีที่สุด เพราะ 80% นั้นคนที่เข้าเว็บไซต์ของเรามาจาก Search Engine กันทั้งนั้น โดยการทำ เว็บไซต์ให้ Google รู้จักนั้น มีดังนี้
1.1 ใส่ Keyword ใน Title ของหน้าเว็บ การใส่ keywords ใน title นี้จะช่วยทำให้ Search Engine ต่างๆ รู้ว่า เว็บเราทำเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีผลกับการทำ adsense ด้วยนะ เพราะโฆษณาที่ปรากฏนี้จะอ่านจาก title นี้เป็นสำคัญทีเดียวตัวอย่างการใช้งาน :[title] keyword หลัก , keyword รอง , keyword อื่นๆ [/title] เป็นต้น
1.2 การใส่ Key Word ที่ต้องการในส่วนด้านบนของเว็บไซต์และการเน้นด้วยตัวหนาใส่ keywords ที่เราต้องการให้ระบบของ google จับไปว่า เว็บไซต์ของเราทำเรื่องเกี่ยวกับอะไรนั้น ก็ควรใส่ keywords นั้นๆ เป็นตัวหนา เป็น head1 head2 ยิ่งดีนะ เพราะ พวก search Engine ที่เข้ามาเก็บข้อมูลนั้นจะได้เข้ามาได้ง่ายๆ และรู้ว่า ทั้งเว็บนี้คือเรื่องอะไรตัวอย่างการใช้งาน : [H1] Keyword [/h1] หรือ [H2] Keyword [/H2]
ตัวอย่างการใช้งาน : [BODY][B] Keyword [/B][/BODY]
1.3 หลีกเลี่ยงการออกแบบเว็บไซต์ด้วย Flash หรือรูปภาพเยอะ ไม่มีตัวหนังสือการทำเว็บไซต์ด้วยการมี flash หรือรูปภาพล้วนๆ นั้น Search Engine ต่างๆ เมื่อเข้ามาถึงเว็บไซต์เราแล้ว จะอ่านไม่ออกนะ ดังนั้น หลีกเลี่ยงการใช้ flash หรือรูปภาพ มีได้บ้างเล็กน้อย แต่อย่าทำทั้งเว็บ เพราะ Search engine มันอ่านได้แต่ตัวอักษรหรือ html ปกติเท่านั้น
1.4 หลีกเลี่ยงใช้ออกแบบเว็บไซต์ด้วยเฟรม
การใช้เฟรม ก็เป็นการออกแบบเว็บไซต์อีกแบบที่ Search Engine อ่านข้อมูลในเว็บไซต์เรา แล้วไม่เจอ ดังนั้น หลีกเลี่ยงการใช้นะ
1.5 ใช้ keyword ที่บริเวณ ลิงค์เชื่อมโยงมาตรฐาน (Standard Text Link)
คือการเชื่อมโยงในลักษณะ การใช้ Text link เป็นตัวเชื่อมโยง แล้วแทรก Keyword ผสมเข้าไปด้วยตัวอย่างการใช้งาน : [a href=http://www.basicstep.blogspot.com/] Keyword [/a]
1.6 ควรตั้งชื่อไฟล์รูปภาพ และใส่คำอธิบายให้กับภาพการตั้งชื่อไฟล์รูปภาพ และการใส่คำอธิบายให้กับภาพนั้น มีผลมากๆ กับการทำ AdSense เพราะระบบของ google จะวิ่งมาจับแม้กระทั่งชื่อรูปภาพที่เราใส่ลงไปด้วยนะ ว่าในเว็บเราเป็นเกี่ยวกับเรื่องอะไร เช่น เปิ้ลทำเรื่องดูดวง รูปภาพก็ควรเป็น horoscope-1.jpg เป็นต้น ไม่ใช่ ใช้ image1.jpg ค่ะ และเน้นย้ำรูปภาพด้วย keywords ซ้ำ ด้วย Alt ตัวอย่างการใช้งาน : [img src="images address" alt="Keyword"]
1.7 จด Domain name ด้วย Keyword (Domain name register)การใช้ Keyword หลักของเว็บในการจด Domain name นั้นหากทำได้ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะระบบ AdSense จะมองที่ domain เป็นสำคัญตัวอย่างการใช้งาน : http://www.basicstep.blogspot.com/
1.8 เรียก Robot เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เราสามารถเรียก robot ของ google ให้เข้ามาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์เราได้โดย เข้าไปที่ http://www.google.com/addurl/ เพื่อ add ชื่อเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้ google เข้าไปเก็บข้อมูลและเนื้อหาของเราและใส่ เว็บไซต์ของเราลงไปในฐานข้อมูลของ google
1.9 แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่น ๆ อันนี้คงแทบไม่ต้องบอกกันเลยมั๊งค่ะ ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง?? เพราะเป็นวิธีที่นิยมกันมามากแล้ว คือ ไปติดต่อกับเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อขอแลกลิงค์กับเว็บไซต์นั้นๆ เมื่อมีผู้เข้าชมที่เราแลกลิงค์ด้วย เขาก็อาจจะแวะเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเช่นกัน ข้อควรระวัง : ควรแลกลิงค์กับเว็บไซต์ที่ถูกกฎหมายและศีลธรรมนะคะ คือไม่ควรแลกลิงค์กับเว็บไซต์ ลามก, อบายมุขทั้งหลาย เพราะเราอาจจะติดร่างแห เข้าร่วมวงดนตรี “google ban” ได้ง่ายๆ
1.10 ทำ Site Map ให้กับเว็บไซต์ของคุณการทำ Site Map นี้ จะช่วยให้ เมื่อระบบของ google วิ่งมาในเว็บไซต์เราแล้ว รู้ว่า ควรจะไปทางไหน เหมือนกับเป็นแผนที่นำทาง พา google ไปเยี่ยมชมเว็บไซต์เราให้ครบทุกจุด
2. การเพิ่ม link
การเพิ่ม link เป็นหลักสำคัญมากอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้มีคนรู้จักเว็บไซต์ของเรา โดยที่การเพิ่ม link มีอยู่ 2 แบบ คือ การแลกลิงค์ (Link Exchange) และ การทำ one way link การแลกลิงค์ (Link Exchange) ก็อย่างที่เราทราบๆ กันดีนะว่า ส่งไปขอให้เว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรา ส่ง link มาให้เรา และทางเว็บไซต์ของเราเองก็ส่ง link กลับไปให้ทางเว็บไซต์ของเขาด้วยเช่นกันส่วนการทำ one way link นั้น ถ้าแปลกันตรงๆ ก็คือ ทำ link ทางเดียว ด้วยการที่ ทำอย่างไรก็ได้ ให้เขาส่ง link ให้เรา แต่เราจะไม่ส่ง link กลับไปให้ทางเว็บไซต์นั้นๆ ที่ส่งมาให้ เช่น การที่เว็บของเรามีเนื้อหาที่ดี ก็จะมีบางเว็บไซต์นำ link ของเราไปติดที่เว็บไซต์ของเขา โดยที่เราไม่ต้องร้องขอค่ะ ซึ่ง link ที่ได้มานี้ จะทำให้เว็บเราได้รับคะแนนจาก google ดีขึ้น และช่วยในการทำ SEO เป็นอย่างดีทีเดียว
3. การทำ E-mail Ads
การทำ E-mail Ads นั้น ก็คือ การทำโฆษณาผ่านทาง e-mail นั่นเอง แต่ส่วนใหญ่เมล์ลักษณะนี้ เป็นลักษณะของการทำ spam mail ซะส่วนใหญ่ ทำให้ไม่น่าเชื่อถือ เท่าที่ควร ถ้าเราไม่ทำการ spam mail แล้วล่ะก็ การทำ e-mail ads นั้น ถือว่า เป็นการโปรโมทเว็บไซต์ของเราที่ได้ผลดีที่สุดเลยทีเดียว ส่วนการทำ E-mail ads นั้น ก็สามารถเริ่มทำได้จากการที่ทำหน้า ให้รับ newsletter ที่หน้าเว็บไซต์ของเราเอง ข้อมูลของสมาชิกที่เข้ารับ newsletter จากเรานั้น ก็จะถูกเก็บเป็นฐานข้อมูล เพื่อใช้ในการโปรโมทเว็บไซต์ของเราในเว็บที่สร้างใหม่ได้เรื่อยๆ
4. การทำ signature
การทำ Signature นั้น เป็นลักษณะของการทำ One way link อีกแบบหนึ่งเช่นกัน เราสามารถทำ signature ได้ง่ายๆ ด้วยการทำ signature ใน e-mail ของเราเอง เพราะเมล์บางฉบับที่เรา fwd ต่อๆ กันไปนั้น อาจจะมีคนสนใจแล้วเขามาที่เว็บไซต์เราก็เป็นได้ หรือ อาจจะทำ signature ตาม web board ต่างๆ ที่มีกันอยู่อย่างมากมาย เมื่อเราโพสบ่อยๆ เข้า link ก็จะสร้างขึ้นมาเรื่อยๆ ถือว่าการทำ signature นี้ เป็นการสร้าง link ให้กับเว็บไซต์ของเราได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง ทำให้คนในเว็บบอร์ดนั้นๆ รู้จักและเข้าเว็บไซต์ของเรามากยิ่งขึ้น
5. การใช้สื่อ offline
อย่าลืม… สื่อ offline ทีเดียวนะ เพราะสื่อ offline ให้ผลทาง online ได้ดีทีเดียว โดยสื่อ offline ที่เป็นที่นิยมกันมากคือ การโฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์ แต่สื่อเหล่านี้ ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก ดังนั้น อาจจะทำในสื่อ offline แบบอื่นๆ เช่น ที่คั่นหนังสือ ทำสติกเกอร์ติดรถ หรือ ใส่เสื้อที่มีชื่อเว็บไซต์ของเราเอง เพราะให้หลายๆ คนมองเห็นและคุ้นตากับชื่อเว็บไซต์เราได้มากที่สุด
6. การลงโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ
การลงโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ อันได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุ ต่างๆ พยายามพูดถึงเว็บไซต์ของเราบ่อยๆ จะทำให้ผู้ฟัง คุ้นหู คุ้นตาได้เป็นอย่างดี
7. อื่นๆ
การโฆษณาประเภทสุดท้ายนี้ คือ การทำอย่างไรก็ได้ให้คนอื่นรู้จักเว็บไซต์ของเรา ง่ายๆ เลย ก็คือ การบอกเล่า ปากต่อปาก ซึ่งวิธีการนี้ เป็นการโฆษณาเว็บไซต์ของ google ที่มีชื่อเสียงได้อย่างปัจจุบัน อย่าดูถูก… อิทธิพลของการบอกเล่า เชียวนะ…. รับรองว่า ได้ผลแน่ๆ

คู่มือ"โน้ตบุ๊ก"แนะนำให้ใช้แบตฯ จนหมด เพื่อยืดอายุการใช้งาน จริงอ่ะ

คำถามคลาสสิกที่ยังคงมีการสอบถามเข้ามาเป็นระยะๆ วันนี้ทางกองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip ก็เลยถือโอกาสหยิบมาตอบกันอีกครั้ง เพื่อความชัดเจน และกระชับยิ่งขึ้น คำถามที่ว่านี้เกิดจากความสงสัยที่ว่า คู่มือโน้ตบุ๊กแนะนำให้ใช้แบตฯ จนหมด เพื่อว่าจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตฯ ได้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ใช้ว่ามันเป็นความจริง หรือไม่? และเขาควรทำตาม หรือเปล่า?

คำตอบคือ สิ่งที่ระบุในคู่มือนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแล้วครับ!!! แบตเตอรี่ลิเธียมอิออนที่ใช้ในโน้ตบุ๊ก และแก็ดเจ็ตโมบายต่างๆ จะมีตัววัดประจุไฟฟ้าที่อยู่ภายใน (internal charge meter) ที่บอกสถานะการชาร์จ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความแม่นยำของมันจะลดลง ผลลัพธ์คือ การรายงานประจุไฟฟ้าในแบตฯจะคลาดเคลื่อน โดยอาจจะมาก หรือน้อยกว่าความเป็นจริงก็ได้ นั่นคือ สาเหตุที่บางครั้งเราพบว่า พอใช้อุปกรณ์ไปนานๆ ทำไมบางครั้งแบตฯ หมดเร็ว ทั้งๆ ที่เพิ่งชาร์จเต็ม (ความจริงมันไม่เต็ม)

ดังนั้น การใช้แบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์แก็ดเจ็ตต่างๆ ให้หมดสนิทสัก 2 - 3 ครั้งต่อปี จะช่วยให้ตัววัดของแบตเตอรี่ได้เริ่มต้นปรับแต่งการวัดของมันอีกครั้ง สำหรับขั้นตอนการทำก็คือ ให้คุณชาร์จแบตฯ โน้ตบุ๊กจนเต็ม จากนั้นถอดปลั๊ก และใช้งานตามปกติจนกว่าแบตฯ จะหมด เมื่อเครื่องปิดแล้ว รีชาร์จแบตฯ ให้เต็มอีกครั้ง เป็นอันเรียบร้อย คราวนี้นอกจากคุณจะไม่ต้องงงกับแบตฯที่หมดเร็วเกินเหตุแล้ว การใช้งานแบตฯ ลักษณะนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับแบตฯ อีกด้วย
ที่มาจาก : http://www.arip.co.th/

new iPad กับ Nexus 7 ใครอึดกว่ากัน?

นอกจากเราจะได้เห็นการชำแหละแก็ดเจ็ตใหม่ๆ โดย iFixit แล้ว เว็บไซต์อย่าง SquareTrade ยังช่วยให้ผู้ใช้ได้ทราบถึงความอึดของแก็ดเจ็ตด้วย โดยล่าสุดทางเว็บไซต์ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการทดสอบเปรียบเทียบความแข็งแรงทนทานของ Google Nexus 7 กับ new iPad ของ Apple ด้วยการทำ Drop Test (ทดสอบความทนทานจากการตกหล่น) และ Dunk Test ถ้าพวกมันตกลงไปในน้ำจะเป็นอย่างไร? คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip คิดว่า ของใครจะอึดกว่ากันครับ?

Square Trade ทำการทดสอบ 3 รูปแบบด้วยกัน ตั้งแต่การทำมันตกลงจากมือขณะยืน ผลักมันตกลงจากขอบโต๊ะที่นั่ง และทิ้งมันลงในอ่างอาบน้ำ (ใครที่ชอบแช่ตัวในอ่างพร้อมกับเล่น new iPad หรือแท็บเล็ตอย่าง Nexus 7) ผลปรากฎว่า Nexus 7 ทนทานต่อการตกหล่นมากกว่า โดยหน้าจอสัมผัสยังคงโต้ตอบการใช้งานได้ และมีรอยขีดข่วนด้านหลังเล็กน้อย ในขณะที่ new iPad เกิดรอยขีดข่วนที่ด้านหลังเช่นเดียวกัน แต่หน้าจอกระจกด้านหน้าแตกร้าว ส่วนผลการทดสอบด้วยการทำหล่นจากโต๊ะที่นั่งด้วยการเลื่อนมันให้หล่นลงไปกระแทกกับพื้่นคอนกรีต (ตกจากที่สูงในระดับต่ำกว่าการยืนใช้งาน แต่เป็นการตกโดยขอบลงกระแทกกับพื้น) ผลปรากฎว่า ได้ผลลัพธ์คล้ายกัน โดย Nexus 7 เกิดรอยขีดข่วนด้านหลังเล็กน้อย ในขณะที่ทางด้าน new iPad หน้าจอแตกเป็นครั้งทีสอง

หลังจากทดสอบความทนทานจากการตกหล่นแล้ว SquareTrade ได้ทำการทดลองครั้งที่สามด้วยการนำ new iPad และ Nexus 7 เข้าไปในห้องน้ำ เพื่อทดสอบในกรณีที่ว่า หากเราทำแท็บเล็ตทั้งสองรุ่นตกลงไปในอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่เต็มจะเป็นอย่างไร? ในขณะที่แท็บเล็ตทั้งสองเปิดให้ทำงาน ผลปรากฎว่า หลังจากนำมันขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ Nexus 7 ยังคงใช้งานได้ตามปกติ ทั้งหน้าจอ ระบบเสียง และฟังก์ชันการโต้ตอบการสัมผัสยังคงใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ ทางด้าน new iPad หน้าจอสัมผัสยังคงใช้งานได้ตามปกติ แต่ระบบเสียงไม่ทำงาน ข้อสรุปที่ได้จากการทดสอบของ SquareTrade ก็คือ Nexus 7 ทนทานกว่า new iPad ทั้งการทำร่วงหล่น และจมน้ำ สำหรับการทดสอบที่่ลุ้นระทึก และน่าใจหายเวลาที่เห็นแก็ดเจ็ตทั้งสองตกจากที่สูงกระแทกพื้นคอนกรีต หรือจมน้ำ คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip สามารถชมได้จากคลิปข้างล่างนี้ครับ

ที่มาจาก : http://www.arip.co.th/news.php?id=415376

การเปิดร้านค้าแล้ว ทำอย่างไรให้ขายสินค้าได้

การขายของไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านแบบปกติ หรือ เป็นการเปิดร้านค้าออนไลน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การเปิดร้านค้าแล้ว ทำอย่างไรให้ขายสินค้าได้ และขายสินค้าได้ดี  สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้คือ ทางร้านค้ามีการทำการตลาดได้ดีแค่ไหน….? 
  
ถึงแม้การขายสินค้าออนไลน์จะ สามารถช่วยให้ผู้ขายประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งในเรื่องของสินค้า พนักงานขาย และให้บริการได้ตลอด 7 วัน 24 มีผู้คนมากมายออนไลน์และทำการซื้อขายเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตาม การมีเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายสินค้าจึงไม่ใช่เครื่องรับประกันความสำเร็จทางธุรกิจ เพราะยังมีองค์ประกอบที่เป็นตัวแปรสำคัญ คือ “การตลาด” ซึ่งเราได้ทำการสรุป องค์ประกอบที่จำเป็นและมีผลต่อยอดขายที่จะช่วยให้การเปิดร้านค้าออนไลน์ สามารถขายสินค้าได้ และขายได้ดีในแบบที่เราต้องการ ซึ่งมีทั้งหมด 5 องค์ประกอบ ดังนี้

องค์ประกอบที่หนึ่ง ผลิตภัณฑ์ (Product)
แม้เว็บไซต์จะมีความสวยงาม แต่หากผลิตภัณฑ์ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ความสวยงามหรือตื่นตาตื่นใจเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถที่จะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจได้ ดังนั้น ผู้ผลิตจึงควรที่จะมีการวิเคราะห์สินค้าว่ารูปแบบควรเป็นลักษณะใด การใช้ประโยชน์ของสินค้า และกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ซื้อ


องค์ประกอบที่สอง ราคา (Price)
ผู้ขายควรเน้นการตั้งราคาให้เหมาะสมกับคุณภาพของสินค้า หมั่นตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่แข่งใกล้เคียง สำหรับการตั้งราคาเพื่อจำหน่ายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตนั้น ผู้ขายจะต้องมีการคำนวณต้นทุนให้รอบคอบ หรือความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น




องค์ประกอบที่สาม ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place)
คำกล่าวที่ว่า ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ดูจะเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักอยู่เสมอในโลกธุรกิจ ถ้าจะเทียบกับเว็บไซต์ การหาทำเลอาจจะเทียบเคียงได้กับการตั้งชื่อร้านค้า ที่ศัพท์ทางอินเทอร์เน็ตเรียกว่า โดเมนเนม (Domain Name) ร้านค้าเหล่านี้เปรียบเสมือนยี่ห้อสินค้า และชื่อเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดบนโลกอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับทำเลทองย่านการค้า การจดทะเบียนโดเมนเนมจึงควรเลือกชื่อที่จดจำได้ง่าย แต่ส่วนใหญ่ชื่อที่ดี มักจะถูกจดไปหมดแล้ว ในปัจจุบันจึงเกิดธุรกิจซื้อขายเฉพาะชื่อโดเมนเนมเกิดขึ้น


องค์ประกอบที่สี่ การส่งเสริมการขาย (Promotion)
การส่งเสริมการขายบนเว็บไซต์เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกับการค้าปกติ โดยรูปแบบมีตั้งแต่การจัดชิงรางวัล การให้ส่วนลดพิเศษในเทศกาลต่างๆ รวมทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าเข้ามาเลือกสินค้า ให้ได้มากที่สุดและตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด


องค์ประกอบที่ห้า การรักษาความเป็นส่วนตัว (Privacy)
การซื้อขายผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ซื้อต้องมีการกรอกข้อมูลส่วนตัวของตนส่งไปให้ผู้ขาย ดังนั้น ผู้ขายจะต้องรักษาความลับของข้อมูลเหล่านี้ โดยต้องไม่เผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าก่อนได้รับอนุญาต ผู้ดูแลเว็บไซต์จำเป็นต้องสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกโจรกรรมออกไปได้ และดูแลอย่างเคร่งครัด



ทั้งนี้ ส่วนผสมทางการตลาดทั้ง 5 องค์ประกอบนี้ ผู้ขายหรือผู้ผลิต ควรมีการวางแผน และสร้างกิจกรรมที่สัมพันธ์กัน ตั้งแต่การเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดกลุ่มเป้าหมาย ในระดับราคาเหมาะสม และมีชื่อโดเมนเนมที่ผู้ซื้อจดจำได้ง่าย สะกดผิดยาก มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ชื่อเว็บไซต์ให้ลูกค้ารู้จัก และมีบริการหลังการขายที่ดีให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ อยากกลับมาใช้บริการอีกครั้ง และต้องรักษาความลับลูกค้าได้ .......  เพียงเท่านี้ การทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม...

ข้อมูลจาก : www.makewebeasy.com

แนะนำ 60 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เด็ดๆ ที่ให้คุณดาวน์โหลดไปใช้ฟรี!!!

มาโหลดโปรแกรมฟรี!...กันดีกว่า
  1. Firefox เว็บบราวเซอร์ผลงานของ Mozilla โดยอดีตผู้สร้างบราวเซอร์ที่โด่งดัง Netscape
  2. VLC โปรแกรมสำหรับเปิดไฟล์เพลง ไฟล์ภาพยนตร์ต่างๆมากมาย
  3. CCleaner โปรแกรมสำหรับลบไฟล์ขยะบนคอมพิวเตอร์
  4. Dropbox โปรแกรมสำหรับฝากไฟล์ไปยังเนื้อที่ออนไลน์บนอินเตอร์เน็ต รองรับทั้ง Notebook , smartphone และ tablet
  5. 7-Zip โปรแกรมบีบอัดไฟล์ เป็น Zip ไฟล์ ที่คุณสามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรี
  6. OpenOffice.org โปรแกรมพิมพ์งาน โปรแกรมชุดสำนักงานที่สามารถใช้ทดแทนซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์อย่าง Microsoft Office
  7. Google Chrome
  8. μTorrent โปรแกรมโหลดไฟล์ P2p บิตทอเรนท์
  9. Notepad + + โปรแกรมพิมพ์ ที่คุณสามารถเปิดไฟล์เพื่อแก้งานเขียนโค้ดเว็บไซต์ HTML และการเขียนโค้ดภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆ
  10. Gmail เว็บไซต์บริการฟรีอีเมลล์ที่สามารถใช้บริการจาก Google ได้ทุกอย่างเลยทีเดียว
  11. GIMP โปรแกรมสำหรับตกแต่งภาพที่มีความสามารถคล้ายคลึงกับ Photoshop รองรับทั้ง MAC , Windows และติดมากับ Linux Ubuntu
  12. Paint.NET โปรแกรมสำหรับแต่งภาพ ใช้งานได้ฟรี และทำงานได้เยี่ยมกว่า paint ที่แถมมากับ Windows แถมปลั๊กอินสำหรับ Paint.net ที่ช่วยให้คุณสามารถเปิดไฟล์ psd สำหรับ Photoshop ได้
  13. Microsoft Securiry Essentials โปรแกรม กำจัดไวรัส ช่วยตรวจสอบและกำจัดไวรัสบนคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows ทั้งนี้ Microsoft แจกให้คุณได้ใช้งานฟรี
  14. Revo Uninstaller โปรแกรมสำหรับถอนการติดตั้งโปรแกรม ไม่ให้เหลือไฟล์ขยะหรือไฟล์ระบบของโปรแกรมที่เคยติดตั้งค้าง
  15. Evernote โปรแกรมสำหรับจดบันทึก ซึ่งสามารถ sync หากันได้ระหว่าง notebook มือถือ และแท็บเล็ต , iรวมเทคนิคเด็ดสำหรับผู้ใช้ Evernote
  16. Thunderbirds โปรแกรมสำหรับจัดการอีเมลล์ ที่สามารถใช้แทนพวก Microsoft Outlook
  17. Audacity โปรแกรมสำหรับอัดเสียง ตัดต่อเสียง ทำ ringtone mp3
  18. ImgBurn (เป็นโปรแกรมสำหรับทำการเขียนซีดีและเขียนดีวีดี Burn dvd แทนโปรแกรมลิขสิทธิ์อย่าง Nero Burning ROM )
  19. Picasa (โปรแกรมจัดการ Gallery รูปภาพจาก Google พร้อมเทคนิคพิเศษ สามารถจัดภาพถ่ายของคุณแบบจำใบหน้าได้ : Picasa 3.5 จัดภาพถ่ายของคุณด้วยการรู้จำใบหน้า )
  20. Skype (โปรแกรม VOIP สามารถแชตและวีดีโอแชตสนทนาเห็นหน้าได้ รองรับทั้ง Windows Mac Linux รวมทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตบนระบบปฏิบัติการ Symbian , windowsphone , iOS และ Android : คุ้มครอง Skype ของเราเต็ม )
  21. Pidgin (โปรแกรมแชตสารพัดประโยชน์ แชตร่วมกับพวก irc , Windows Messenger , icq , Yahoo Messenger , AIM , google talk และอื่นๆอีกมากมาย
  22. ubuntu ระบบปฏิบัติการฟรี ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ Linux ที่นิยมใช้มากที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด ที่นับวันหน้าตาสวยขึ้นคล้ายกับแนว MAC ทุกที ที่คุณสามารถดาวน์โหลดติดตั้งคู่กับระบบปฏิบัติการ Windows ได้
  23. iTunes (โปรแกรม sync เพลง และจัดการเพลงบนอุปกรณ์ iOS ที่โหลดใช้งานได้ฟรี )
  24. foobar2000 โปรแกรมฟังเพลงสุดแนว
  25. Foxit Reader โปรแกรมสำหรับอ่านไฟล์ Pdf
  26. FileZilla โปรแกรมสำหรับจัดการไฟล์ผ่าน FTP
  27. VirtualBox โปรแกรมสร้าง Visual Machine จำลองบนคอมพิวเตอร์ของเรา มีไว้สำหรับการลองลงระบบปฏิบัติการต่างๆเช่นพวก windows หรือ Ubuntu รุ่นใหม่ๆเป็นต้น
  28. TrueCrypt โปรแกรมแนวรักษาความปลอดภัย เข้ารหัสและถอดรหัสโดยอัตโนมัติ
  29. Avast! โปรแกรมฟรี Antivirus ยอดนิยม
  30. Defraggler โปรแกรมสำหรับจัดระเบียบดิสก์ ให้คอมทำงานได้เร็วขึ้น
  31. KeePass โปรแกรมช่วยจำรหัสผ่าน ที่ใช้งานสะดวกสบายและปลอดภัย
  32. Opera เป็นเว็บบราวเซอร์ 1 ใน 4 เว็บบราวเซอร์ยอดนิยม
  33. AVG โปรแกรมกำจัดไวรัสฟรียอดนิยม
  34. Digsby โปรแกรมที่ดีที่สุดสำหรับขาออนไลน์ ที่ชอบทั้งแชต เช็คอีเมลล์ และเล่น Social Network เป็นประจำ
  35. Google Reader เว็บไซต์สำหรับอ่านข่าว RSS Feed
  36. Winamp โปรแกรมฟังเพลงยอดนิยม
  37. Google Earth โปรแกรมสำหรับดูแผนที่ประเทศต่างๆในมุมมองแบบลูกโลก
  38. TeraCopy โปรแกรมที่ช่วยคัดลอกไฟล์ และย้ายไฟล์ได้เร็วมากๆ
  39. Launchy ตัวช่วยตัวใหม่ที่อำนวยความสะดวกในการเข้าถึงโปรแกรมได้ดีขึ้น แทนปุ่ม start ในระบบปฏิบัติการ Windows
  40. Transmission โปรแกรมบิตทอเรนต์สำหรับ MAC และ Linux
  41. IDE Eclipse โปรแกรมสำหรับภาษาซี
  42. SpyBot Search & Destroy โปรแกรมสำหรับกำจัดไฟล์พวกสปาย ไฟล์อันตราย ไฟล์ขยะ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
  43. Adium อีกหนึ่งโปรแกรมสำหรับแชตสนทนา
  44. PuTTy โปรแกรม telnet
  45. Songbird โปรแกรม Opensource ที่มีความสามารถคล้ายกับโปรแกรมฟังเพลงอย่าง iTunes
  46. sumatra PDF โปรแกรมสำหรับอ่านไฟล์ PDF
  47. XBMC โปรแกรมพวกมีเดียเซนเตอร์ ไว้ดูหนังฟังเพลงแบบเปิดผ่านจอใหญ่ ดาวน์โหลดใช้ฟรี
  48. Blender โปรแกรมฟรีที่สามารถออกแบบสร้างแอนิเมชั่น
  49. CDBurnerXP อีกโปรแกรมฟรี สำหรับการเขียนซีดี ที่มีความสามารถคล้ายกับ Nero Burning Rom
  50. Everything โปรแกรมสำหรับ search หาไฟล์บนคอมพิวเตอร์ที่ทำงานค้นหาได้รวดเร็ว
  51. Handbrake โปรแกรมสำหรับใช้แปลงแผ่น DVD และ Blu-ray ให้เป็นไฟล์ MP4 และ MKV.
  52. Rainmeter โปรแกรมเด็ดสำหรับตกแต่งหน้าจอให้ดูดีทันสมัย
  53. AutoHotkey โปรแกรมตั้งคีย์ลัด เพี่อเรียกโปรแกรม หรือคำสั่งต่างๆได้เร็วขึ้น เป็นโปรแกรมยอดฮิตมากที่ใช้ในวงการเกม DotA
  54. Google Calendar เว็บไซต์สำหรับจัดการปฏิทินส่วนตัว เปิดได้ทั้งทางเว็บไซต์ ทางคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และ มือถือ รวมทั้งสามารถใช้ร่วมกันกับกิจกรรมบน Google Plus
  55. MediaMonkey โปรแกรมสำหรับจัดการเพลง
  56. Quicksilver โปรแกรมสำหรับ Mac ที่สามารถเข้าถึงโปรแกรมต่างๆได้เร็วขึ้น
  57. WinSCP โปรแกรม FTP สำหรับ Windows
  58. Boxee โปรแกรมสำหรับมีเดียเซนเตอร์ ดูหนัง ฟังเพลงบน PC ของคุณ
  59. AdBlock Plus ปลั๊กอินเสริมบน Firefox และ Chrome ไว้สำหรับ Block ปิดพวกโฆษณาบนเว็บไซต์ต่างๆ
  60. Media Player Classic โปรแกรมสำหรับเปิดไฟล์มีเดียต่างๆเช่นไฟล์เพลง และไฟล์วีดีโอ ที่ดีที่สุดสำหรับบนระบบปฏิบัติการ Windows
ข้อมูลจาก Lifehacker